ชี้ชัดหน้า 5
โก๋ชัย คาวบอย
สวัสดีครับ
แฟน ๆ โก๋ชัย คาวบอย เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ จะได้ไม่เปลืองพื้นที่กระดาษ
กับเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ ที่มีประเด็นให้จิกกัดกันได้บ่อยสิน่า เรื่องแรกที่ได้ข่าวมาก็คือ คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
ที่ทำงานเกี่ยวกับการปฎิรูปงานตำรวจ
กำลังจะทำเรื่องเสนอรัฐบาลให้ยุบตำรวจรถไฟ
ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะโจรอยู่นอกรถไฟมีตั้งเยอะ ส่วนพวกที่นั่งรถไฟ
ก็คนจนทั้งนั้นแหละครับ โจรที่ไหนจะไปเสียเวลาปล้น แต่ที่น่าสนใจคือ
การเสนอให้โอนงานจราจรไปให้ท้องถิ่นแต่ละที่รับผิดชอบ
งานนี้ต้องถือว่าเป็นการทุบหม้อข้าวตำรวจจราจร
หม้อบะเร้อกันเลยทีเดียว
รู้ก็ทั้งรู้กันอยู่ว่า เม็ดเงินจากการตรวจจับปรับกระหน่ำต่าง ๆ นั้น
เข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ก็มากโข ซึ่งก็มีกฎหมายรองรับเสียด้วยสิ ข่าวว่า กทม. และเทศบาลนคร ให้โอนภายใน 2 ปี
สำหรับเทศบาลเมือง ให้โอนภายใน 3 ปี ส่วนท้องถิ่นอื่น
ให้เป็นไปตามกำลังความสามารถ
เรื่องนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ยังไม่สรุปว่าจะเอาหรือไม่ พี่ ๆ ตำรวจอย่าเพิ่งขยับตัว เอาไว้มีความชัดเจนมากขึ้น ปี่กลองค่อยรัวนะเจ้านาย
เรื่องนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ยังไม่สรุปว่าจะเอาหรือไม่ พี่ ๆ ตำรวจอย่าเพิ่งขยับตัว เอาไว้มีความชัดเจนมากขึ้น ปี่กลองค่อยรัวนะเจ้านาย
มาอีกเรื่องเกี่ยวกับตำรวจเหมียนกัน
ต่อเนื่องกับประเด็นข้างบนเลย ก็จะเรื่องไหนอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่มีหลายฝ่าย
โดยเฉพาะภาคประชาชน
กำลังจะเสนอให้มีการยกเลิกค่าเปอร์เซ็นต์จากใบสั่งที่เป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลาย
ขยันขันแข็งในการตั้งด่านทั้งเช้าเย็น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปอร์เซ็นต์จากใบสั่งอย่างไร
โก๋ชัย คาวบอย จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า ถ้าถูกปรับ 100 บาท
เงินจะถูกแบ่งออกเป็นอย่างละครึ่ง 50 บาทมอบให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ด่านนั้น ๆ ตั้งอยู่
ไม่ว่าจะเป็น เทศบาล หรือ อบต. อีก 50
บาทที่เหลือนี้สำคัญนัก คือ จากแบ่งออกมา 5% เข้ารัฐ
ที่เหลืออีก 95 % จะแบ่งออกเป็น 60
/ 40 ตำรวจผู้จับกุมได้
ส่วน 60 ที่เหลือเข้างานจราจร
นี่คิดแค่ถูกปรับ
100 บาทเท่านั้นน่ะ
คิดเอาเองแล้วกันว่า ถูกปรับกันที 200 – 400 บาท
วันละกี่คันล่ะ โอ้ย ทำไมคิดช้าน้า รู้อย่างนี้เรียนตำรวจดีก๋า รวยเร็วดี
จะรังแกกันไปถึงไหน
นี่คือ เรียกร้องโอดครวญจากชาวประมง ซึ่งโดนสารพัดข้อกฎหมาย
ที่ตีกรอบให้ต้องเข้าระเบียบแถว นัยว่าเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์
เอาเปรียบด้านแรงงาน ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพื่อให้เป็นที่พอใจจากพวกฝรั่งที่เอาเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการค้า
ล่าสุดทราบข่าวมาว่า
ทางกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ จะเปิดตลาดนำเข้าปลาป่นเสรี เดือดร้อนแน่
ราคาตกอยู่แล้ว ก็ตกหนักเข้าไปอีก
ถ้าจะให้เหตุผลว่าผลผลิตไม่เพียงพอต่อการป้อนโรงงานอาหารสัตว์
แล้วทำไมไม่ผ่อนปรนกฎระเบียบให้ชาวประมงทำมาหากินได้สะดวกล่ะ ทำอย่างนี้เหมือนเตะหมู เข้าปากหมา เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์
ที่เป็นเจ้าอาณาจักรผลิตอาหารสัตว์
(เขียนเท่านี้ก็พอจะรู้นะว่าบริษัทไหน)
ข่าววงในแว่วมาว่า
ถ้าทางภาครัฐยังดึงดันที่จะเปิดช่องให้นำเข้าปลาป่น
ทางชาวประมงทั้งหลายก็จะรวมตัวกัน ก่อม็อบเอาให้สะท้านโลกันต์กันเลยทีเดียว
มาวัดกันดูสักตั้งเถิดว่า บริษัทยักษ์ใหญ่กับชาวประมง ไผจะใหญ่กว่ากัน
เกือบเป็นเรื่องเป็นราวแล้วล่ะสิ
กับกรณี นายไพรัตน์ จันทร์เสม
ผู้อำนวยการ.ร.ร.วัดคลองครุ กรณีถูกผู้ปกครองนักเรียนร้องว่าทางโรงเรียนเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองรายละ
1000 บ. โดยระบุว่าเป็นเงินค่าบำรุงทางการศึกษา งานนี้ร้อนถึงพี่หนวดชี้ชัดของเรา
ต้องเดินเข้าโรงเรียนขอพบกับท่านผอ.ของเด็ก ๆ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ภายหลังเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
ก็ได้ความกระจ่างจากปากผอ.ว่า
เรื่องนี้มีระเบียบที่วางอยู่แล้ว โดยเขตพื้นที่ ฯ ได้มีหนังสือออกมาแล้วว่า
ถ้าจะมีการเก็บเงินค่าบำรุงทางการศึกษา ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งก็ดำเนินการไปตามระเบียบ
และมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่องการระดมทรัพยากรของสถานศึกษา ที่จะชี้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร ผอ.ว่า เค้ามีเกณฑ์ให้ครับ ไม่ใช่ว่าจะทำไปเรื่อยเปื่อย
มีประกาศกระทรวงศึกษา ฯ รับรอง เค้าแนบมาหมดครับ
งานนี้พี่หนวดก็เลยถามกลับไปว่าโรงเรียนแห่งนี้ผู้ปกครองค่อนข้างมีฐานปานกลางถึงยากจน
ทำไมทางผู้บริหารโรงเรียนไม่ทำเรื่องขอความสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชนในพื้นที่
ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ โรงเรียน
มากกว่าที่จะรบกวนผู้ปกครองนักเรียน
ผอ.ก็เลยไขปริศนาว่า
ตนเองก็ขออบต.สนับสนุนในเรื่องครูอัตราจ้าง เค้าก็ให้มา บางครั้งหายไป 8
เดือน ก็เอาเงินตรงนี้จำนวน 3 แสนกว่าบาทจ่ายไป ทางอบต.ก็ช่วย
ส่วนเรื่องจะไประดมเงินจากภาคเอกชน
จะเป็นการช่วยตรงอื่นมากกว่า อย่างเช่น
การทำห้องประชุม
หรือซื้อคอมพิวเตอร์ ก็ได้ความสนับสนุนจากเอกชนในพื้นที่เหมือนกัน
ก่อนจากกันผอ. ก็บอกทิ้งท้ายว่า
“ผมไม่ชอบโครงการนี้หรอก แต่เพราะจำเป็นต้องทำจริง ๆ จะให้เลิกเลยคงทำไม่ได้ โครงการเดินหน้ามาหลายปีแล้วครับ
ซึ่งก็สามารถดูแลในสิ่งที่ขาดได้ เช่นเรื่องคอมพิวเตอร์ เรื่องบุคลากรที่ขาด ผมหนักใจมาโดยตลอด กรรมการก็รู้ และบอกว่าสักวันต้องมีผลกระทบ
เพราะบางทีผู้ปกครองไม่เข้าใจ ก็พยายามพูดเสมอว่าชี้แจงให้ดี ..โอเคมั้ย เข้าใจตรงกันนะพี่น้อง
ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
แล้วครับ กับงานประเพณีแห่เจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ประจำปี 2561 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24 มิถุนายนนี้ ณ ริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร อย่างที่รู้กันดีว่า การแห่เจ้าพ่อหลักเมือง ฯ
นั้น มีความยิ่งใหญ่และสวยงามทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเฉพาะทางน้ำนั้นถือว่าเป็นขบวนแห่ทางน้ำแห่งเดียวในประเทศไทยกันเลยทีเดียว
โดยจะอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมือง ฯ
ลงจากศาลที่ประทับข้ามแม่น้ำท่าจีน แห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ ทั้งฝั่งท่าฉลอมและมหาชัย
เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกันสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนวันเกิดของเจ้าพ่อหลักเมือง ฯ ในปีทุก ๆ ปี
จะมีการผัดหมี่สิริมหามงคลแจกฟรีให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดงดนตรีจากนักร้องชื่อดัง
การเชิดสิงโต มหรสพต่างๆ ให้ชมฟรี เว้นวรรคสนุกสนานกันก่อน เสร็จจากงานค่อยมาลุยกันต่อชีวิต ถ้าไม่สิ้น
ก็ดิ้นไป แต่ถ้าไม่ดิ้น ก็สิ้นใจ (ไง)
ไปก่อนละครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น