pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บก.ป. นายตำรวจ แจ้งความกลับ มิตร มิตรชัย

บก.ป. นายตำรวจ แจ้งความกลับ มิตร มิตรชัย เมื่อ 30 ก.ย. 58 เวลา 11.30 น. กองบังคับการปราบปราม จากกรณีที่ นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ มิตร มิตรชัย อายุ 21 ปี พระเอกลิเก น้องชายคนเล็กของไชยา มิตรชัยและ แอน มิตรชัยนักร้องนักแสดงสาวชื่อดัง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อขอคำปรึกษาข้อกฎหมายกรณีที่ถูกนายตำรวจนายหนึ่ง ข่มขู่และบังคับให้ยอมรับสภาพหนี้ 35 ล้านบาท
  ต่อมา พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพักตำรวจ สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ มิตร มิตรชัย อายุ 21 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
  พ.ต.อ.ปจภณ กล่าวว่า เหตุที่ต้องการเข้าแจ้งความเอาผิดกับนายคิรีรัก เนื่องจากนายคีรีรัก ได้มาขอลงบันทึกประจำวัน ว่าถูก พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ข่มขืนใจให้เซ็นชื่อในสัญญาเงินกู้ โดยขู่ว่าถ้าไม่เซ็นจะให้นักข่าวมาทำข่าวและจะไม่รับรองความปลอดภัยของครอบครัว ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้แฟนของนายคีรีรัก แจ้งว่านายคีรีรัก มีโปรเจคการแสดง ลิเก 3 โปรเจค  โดยเฉพาะโปรเจคลิเกออนทีวีรายการ มิตรชัยโชว์ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยระดมทุน โดยมีกำหนดใช้คืนงวดแรกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
   พ.ต.อ.ปจภณ กล่าวต่อว่า ทางนายคีรีรัก อ้างว่าจะได้รับเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ มีการนำเอกสารมาสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมระบุว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนภายหลังจบโปรเจค นอกจากนี้ภรรยาตนยังเคยทำธุรกิจกับแฟนของนายคีรีรัก มานานกว่า 10 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหา จึงเชื่อใจตั้งวงแชร์กับเพื่อน นำเงินไปลงทุนทำรายการดังกล่าว แต่กลับไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง จากนั้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานจากคนกลางซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของนายคีรีรัก ขอให้มาเจรจากับนายคีรีรัก ที่ร้านอาหารชลบุรีซีฟู้ด ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 62 ตนก็เดินทางไปพร้อมภรรยา ส่วนแฟนสาวของนายคีรีรัก ก็มาพร้อมผู้ใหญ่ โดยการเจรจากัน ตนได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มายืนยัน ซึ่งนายคีรีรัก ก็ยอมรับผิดต่อหน้าทุกคน และบอกว่ายินยอมจะชดใช้เงินคืน โดยฝ่ายผู้ใหญ่ที่ร่วมเจรจา จึงขอให้มีการทำหนังสือสัญญากู้โดยมีผู้จัดการศิลปินลงชื่อเป็นพยาน แต่เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก และมีผู้ได้รับไปหลายคน จึงต้องการให้คนเหล่านั้นร่วมลงชื่อด้วย อีกทั้งสัญญาไม่ได้ระบุรายละเอียดการชำระเงินคืน ก็อยากขอร้องผู้ใหญ่ที่เป็นกลางให้นัดหมายอีกครั้งพ.ต.อ.ปจภณ กล่าว
   ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ได้มีการเจรจากันอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งเดิม โดยฝ่ายนายคีรีรัก ให้ข้าราชการผู้ใหญ่และผู้จัดการศิลปิน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญข้อกฎหมาย มาให้คำแนะนำ ส่วนตนกับภรรยา มาพร้อมทนาย และเจ้าหนี้ที่นำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งนายคีรีรัก ยอมรับผิดเช่นเดิมและยินยอมจะชดใช้หนี้ 35.5 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญายอมรับสภาพหนี้ กำหนดชำระคืนเป็นงวดๆ ดังนั้นการเซ็นยอมรับสภาพหนี้ดังกล่าวไม่ได้มีการข่มขู่ นายคีรีรัก ทำด้วยความเต็มใจ และมีพยานที่ลงนามร่วมทั้งฝ่ายตนกับนายคีรีรัก โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดขอยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแต่อย่างใด เป็นเรื่องของการร่วมลงทุนทำธุรกิจเท่านั้น
   ด้าน พ.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งความและสอบปากคำผู้ร้องไว้พร้อมกับตรวจสอบเอกสารต่างๆ เพื่อประมวลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น