pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กระทรวงมหาดไทย จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs จับมือภาครัฐ – เอกชน สร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายในพื้นที่อย่างยั่งยืน

วันนี้ (27 ส.ค. 58)  เวลา  09.00 น. ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว กรุงเทพมหานคร นายจรินทร์ จักกะพาก  รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs และพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งกระทรวงมหาดไทย จัดขึ้น เพื่อพัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม SMEs ใน 18 กลุ่มจังหวัดให้เกิดการบูรณาการร่วมกันเพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ให้มีความเข้มแข็ง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมฯ จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 156 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยและผู้บริหารของสสว. หัวหน้าสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ผู้ประสานงานโครงการและภาคเอกชน ได้แก่ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัดจาก 18 กลุ่มจังหวัด
          นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ โดยได้กำหนดเป็นเรื่องเร่งด่วนและได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวร่วมกับ สสว. ในการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs และพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยดำเนินการผ่านคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs กลุ่มจังหวัด ทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้ากลุ่มจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการฯ ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นกลไกสร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่
          สำหรับการประชุมหารือร่วมกันในครั้งนี้ ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานเป็น 4 กิจกรรมหลัก คือ     1. การกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญมาร่วมสนับสนุน2. กิจกรรมการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อการดำเนินโครงการ 3. การระดมความคิดเห็นและรับทราบความต้องการที่แท้จริงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอโครงการที่จะดำเนินการในปีต่อไป และ 4. การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหารือแนวทางในการจัดทำรายงานในภาพรวมของโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาครัฐและเอกชนในพื้นที่แต่ละกลุ่มจังหวัดให้มีความรู้        ความเข้าใจสามารถนำแนวทางการขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติได้ในทิศทางเดียวกัน



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น