เมื่อเวลา 13.30
น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2558
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน
ที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์เป็นยางพารา 2
ครั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร คือ นายไตรสิทธิ์ ภัทรสิทธิพัฒน์
คนขับรถกระบะ , นายชาตรี ทึกขุนทด คนใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้เสียหาย และ นายบุญเลิศ ทรงจันทร์
ผู้จัดหารถบรรทุกและนำยางพาราไปขาย โดยมีของกลางเป็น อาวุธปืนพกขนาด.22,เครื่องกระสุน,แม๊กกาซีน 1 อัน,รถยนต์กระบะ 1 คัน,โทรศัพท์มือถือ
2 เครื่อง,และ รถกระบะบรรทุก (มีข้างเสริม) 2 คัน นอกจากนี้ยังมีแผนผังการก่อเหตุของคนร้ายกลุ่มนี้มาแสดงด้วย
ซึ่งในแผนผังนั้นยังคงมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน
แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คือ
บุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถภายในบริษัทฯ ที่มีการขนส่งยางพารา กับ บุคคลที่รับซื้อยางพารา
ซึ่งอยู่ในจังหวัดนครปฐม
อีกทั้งยังคาดการณ์อีกว่าน่าจะมีคนที่คอยบงการและวางแผนให้กลุ่มคนเหล่านี้ร่วมกันปล้นรถขนยางพารา
ซึ่งน่าจะอยู่ในพื้นที่ภาคใต้
พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทั้ง 3 คนนี้
ได้ร่วมกันก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 02.30 น. บริเวณริมถนนเอกชัย ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร เขตความรับผิดชอบของ
สภ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 เวลาประมาณ 04.00 น. บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก
ริมถนนพระราม 2 ต.นาโคก อ.เมืองสมุทรสาคร
เขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.บางโทรัด โดยลักษณะของการก่อเหตุทั้งสองครั้ง คือ
คนร้ายทั้ง 3 คน จะใช้อาวุธปืนจี้บังคับคนขับรถขนส่งยางพารา
จากนั้นก็ใช้ผ้าเทปสีดำมัดมือมัดเท้าปิดตา
ก่อนนำขึ้นรถบรรทุกสิบล้อคันที่ผู้เสียหายขับมา โดยจะขับรถไปประมาณ 20 นาที แล้วก็ไปจอดในสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วทั้ง 3 คน
ก็ได้ช่วยกันขนถ่ายสินค้ายางพารา จากหลังรถ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ
ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วผู้ที่จี้บังคับก็ได้ขับรถบรรทุกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จึงจอดรถ แล้วก็ทิ้งผู้เสียหายกับรถไว้ ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป
ซึ่งการก่อเหตุทั้งสองครั้งนั้นมีมูลค่าความเสียหายครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนสถานที่ๆ
คนร้ายได้ขับรถบรรทุกยางพาราไปจอดเพื่อจะขนถ่ายยางพาราไปยังรถอีกคันนั้น
ทราบต่อมาภายหลังจากที่จับกุมผู้ต้องหาและได้ให้การรับสารภาพว่า คือ
บริเวณลานด้านหลังมหาชัยเมืองใหม่ซึ่งเป็นลานโล่งเปลี่ยวและมีต้นหญ้าสูงขึ้นปิดบังคนภายนอก
ทั้งนี้ต่อมาจากการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค
7 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และตำรวจภูธรบางโทรัด
ก็ทำให้สามารถติดตามจับกุมตัวบุคคลทั้ง 3 ได้
โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้นำยางพาราไปขายให้กับพ่อค้ารายหนึ่งในจังหวัดนครปฐม
อีกทั้งยังมีบุคคลภายในบริษัทที่ขนส่งยางพาราร่วมในขบวนการด้วย
ซึ่งจะเป็นคนที่คอยบอกพิกัดของรถเป้าหมายว่าขับมาถึงที่ไหน ลงมือก่อเหตุเมื่อไหร่
และเมื่อถึงที่สบโอกาสก็จะส่งสัญญาณให้ทั้ง 3
คนเข้าก่อเหตุทันที โดยยางพาราทั้งหมดหลังจากที่ปล้นมาได้ก็จะนำไปขายทันที
ซึ่งได้เงินมาแล้วเกือบ 1 ล้านบาท
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาแก่ทั้ง
3
คนว่า “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน
หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
ส่วนผู้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้นั้น
ก็จะเร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น