ด้านอัยการสูงสุดหารือกรมศิลปฯสงวนสิทธิขอคืนพื้นที่
"ปัดผลขุดไร้หน่วยงานร่วมพิสูจน์"
"คืบหน้า" จากปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากร
และสำนักงานอัยการสูงสุด ในจุดก่อสร้างอาคารอัยการจังหวัดสมุทรสาคร (สูง7ชั้น) หลังจากสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
เข้าขุดดินเพื่อสำรวจตรวจสอบหาแนวเขตสถานโบราณแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก
บริเวณข้างสวนสาธารณะ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามคำสั่ง ผวจ.สมุทรสาคร
ขอให้ทุเลาการอนุญาตก่อสร้างลงชั่วคราว หลังมีประชาชนร้องเรียนสาเหตุไม่เหมาะสมเป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารสูง
ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านพ้นกำหนดระยะเวลาของการชะลอก่อสร้างดังกล่าวแล้ว
"ล่าสุด" ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจุดที่ขุดพบฐานแนวโบราณกำแพงใหม่ โดยมีนายวรวุฒิ
บุญเพ็ญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร อุปนายกสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ดร.วิชาญ
ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต ส.ว.สมุทรสาคร พร้อมด้วยนายชาญชัย สาครรุ่งโรจน์
แกนนำกรรมการจัดระเบียบตลาด
และกลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่คัดค้านไม่เห็นด้วยการสร้างที่ทำการอัยการจังหวัดหลังใหม่
ได้พากันเข้ายื่นหนังสือต่อ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล
เพื่อแสดงความจำนงขอให้ทบทวนและพิจารณารวบรวมเป็นเขตอนุรักษ์ของแนวสถานโบราณเพิ่มเติม
โดยมีคณะเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
ร่วมชี้แจงหลักฐานผลการขุดตรวจพิสูจน์แนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก
ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า
หลังได้รับเรื่องจากทางผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1
ราชบุรี สรุปผลสิ่งที่ขุดค้นสำรวจหาพบแนวป้อมปืนวิเชียรโชฎกที่เพิ่มเติมขึ้น
จากนั้นจะนำไปหารือระหว่างผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวนี้เคยมีปัญหาร้องเรียนในอดีตที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในท้ายที่สุดท้ายแล้วก็ปฏิบัติไปตามระเบียบของกรมศิลปากร
อย่างไรก็ตามส่วนที่สมุทรสาครขอรับไว้พร้อมจะนำไปพิจารณาตามเหตุตามผลอย่างรอบด้าน
แต่ผลคำตอบที่แน่ชัดนั้นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงรู้ผล
ดร.วิชาญเผยว่า
ได้ประสานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนหน้าแล้ว
ส่วนการร้องคัดค้านอาคารที่ว่านั้นในฐานะชาวสมุทรสาครถือเป็นคนพื้นที่ซึ่งเกรงว่าจะบดบังทัศนียภาพต่างๆ
บดบังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ทั้งยังมีเขตโบราณสำคัญของจังหวัดอยู่
จึงไม่น่าเหมาะสมที่จะมีอาคารสูงถึง 7
ชั้นตรงจุดดังกล่าว ทำให้ต้องแสดงเจตจำนงเพื่อขอพิจารณาเข้าเป็นเขตอนุรักษ์ของแนวประวัติศาสตร์โบราณเพิ่มเติม
โดยทางจังหวัดเองก็ยังมีโครงการจัดสร้างสถานที่อุทยานแห่งการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของสมุทรสาคร
ที่อยู่ข้างเคียงกันเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ดังนั้นเห็นควรจะอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
มีรายงานว่า ด้านที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายตระกูล
วินิจนัยภาพ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือ (ที่ อส 006บค/2393) หารือถึงอธิบดีกรมศิลปากร “ระบุ” เรื่องขออนุญาตก่อสร้างอาคาร
สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร ในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค.37 (บางส่วน) โดยมีหนังสือแจ้งยกเลิกคำสั่งทุเลาจังหวัดสมุทรสาครแนบท้าย
สืบเนื่องจาก ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต
ผวจ.สมุทรสาคร ได้ส่งรายงานผลแจ้งว่าสำนักงานศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
แจ้งรายงานผลการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อตรวจสอบโบราณสถานในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่
สค.37 (บางส่วน)
บริเวณก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ส.36
(บริเวณสวนสาธารณะ ต.มหาชัย) สรุปหลังขุดตรวจสอบทางโบราณคดีแล้วว่า
มีโบราณสถานส่วนของมุมกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกด้านตะวันออกเฉียงเหนือโดยก่อยื่นออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงตามลักษณะของมุมป้อมวิเชียรโชฎกจำลองเมื่อ
พ.ศ. 2532 และตรงกับรูปที่ดินหลักโฉนดที่ดินที่ 3987 ตรงโฉนดแสดงรูปป้อมวิเชียรโชฎกออกไว้เมื่อ พ.ศ.2468ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งหลังทำการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อตรวจสอบโบราณสถานป้อมวิเชียรโชฎกจึงได้ยุติแล้ว
จังหวัดสมุทรสาครจึงมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาครที่
3562/2557 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2557
เรื่องให้ทุเลาคำสั่งอนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุดเข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ
ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558
เป็นต้นมา ระบุกรมศิลปากรได้ขุดค้นพบโบราณสถานในบริเวณที่จะก่อสร้างอาคาร
สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร
ดังนั้นในการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงโบราณสถานดังกล่าว
ขอให้สำนักงานอัยการฯหารือไปยังกรมศิลปากร
เพื่อปฏิบัติตามในหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ สร.0201/ว 57 ลงวันที่ 18 เมษายน 2518
รวมทั้งการปฏิบัติตามบันทึกรับทราบแนวเขตและยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ(ข้อ5)
ด้วย
“ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
รายงานของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
เป็นรายงานที่จัดทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียวไม่มีหน่วยงานกลางร่วมพิสูจน์ และรับรองความถูกต้อง
ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจึงขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบความถูกต้องของการตรวจพิสูจน์โบราณสถานในที่ดินราชพัสดุดังกล่าว
ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดโดยอธิบดีอัยการภาค 7
ได้ลงนามในเลขสัญญาที่ 27/2557ลงวันที่ 30 กันยายน 2557 ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณพงศ์ก่อสร้าง
ให้ก่อสร้างอาคารสำนักงานฯ ในแปลงหมายเลขทะเบียน สค.37
ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งอัยการสูงสุดได้เบิกเงินล่วงหน้าในอัตราร้อยละ 15ของงานก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้ว (28,239,150
บาท) และผู้ว่าจ้างได้เริ่มทำงานไปตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2557 โดยตอกเสาเข็มไปแล้วหลายต้นวันที่สำนักศิลปากรที่1
เข้าไปขุดค้นทางโบราณคดีในที่ดินแปลงหมายเลขทะเบียนที่ 37
บางส่วน
เพื่อมิให้งานก่อสร้างหยุดชะงักและเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ฯจึงได้ดำเนินการแจ้งให้ทราบ
ทางอัยการสูงสุดจึงขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำนักงานในที่ดินแปลงหมายเลขทะเบียนที่
สค.37
บางส่วนต่อไป
เพื่อเป็นที่ปฏิบัติราชการและให้บริการประชาชนในด้านอรรถคดี
เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่เดิมที่ได้รับอนุญาตให้ใช้
มีความเหมาะสมเพราะอยู่ตรงข้ามกับศาลจังหวัดสมุทรสาคร
มีความสะดวกต่อประชาชนที่มาติดต่อราชการ ซึ่งขอให้แจ้งสำนักงานอัยการสูงสุดได้ทราบเป็นกรณีเร่งด่วน”
โดย มานพ พฤฒิวโรดม 08-7151-2525
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น