pearleus

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

มหาชัย "ดันเรื่องร้องประกาศเขตโบราณป้อมวิเชียรฯ ถึงสำนักนายกฯ"


ด้านอัยการสูงสุดหารือกรมศิลปฯสงวนสิทธิขอคืนพื้นที่ "ปัดผลขุดไร้หน่วยงานร่วมพิสูจน์"
 "คืบหน้า" จากปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากร และสำนักงานอัยการสูงสุด ในจุดก่อสร้างอาคารอัยการจังหวัดสมุทรสาคร (สูง7ชั้น) หลังจากสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี เข้าขุดดินเพื่อสำรวจตรวจสอบหาแนวเขตสถานโบราณแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก บริเวณข้างสวนสาธารณะ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามคำสั่ง ผวจ.สมุทรสาคร ขอให้ทุเลาการอนุญาตก่อสร้างลงชั่วคราว หลังมีประชาชนร้องเรียนสาเหตุไม่เหมาะสมเป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารสูง ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านพ้นกำหนดระยะเวลาของการชะลอก่อสร้างดังกล่าวแล้ว
 "ล่าสุด" ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจุดที่ขุดพบฐานแนวโบราณกำแพงใหม่ โดยมีนายวรวุฒิ บุญเพ็ญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร อุปนายกสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต ส.ว.สมุทรสาคร พร้อมด้วยนายชาญชัย สาครรุ่งโรจน์ แกนนำกรรมการจัดระเบียบตลาด และกลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่คัดค้านไม่เห็นด้วยการสร้างที่ทำการอัยการจังหวัดหลังใหม่ ได้พากันเข้ายื่นหนังสือต่อ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เพื่อแสดงความจำนงขอให้ทบทวนและพิจารณารวบรวมเป็นเขตอนุรักษ์ของแนวสถานโบราณเพิ่มเติม โดยมีคณะเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ร่วมชี้แจงหลักฐานผลการขุดตรวจพิสูจน์แนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก

 ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า หลังได้รับเรื่องจากทางผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี สรุปผลสิ่งที่ขุดค้นสำรวจหาพบแนวป้อมปืนวิเชียรโชฎกที่เพิ่มเติมขึ้น จากนั้นจะนำไปหารือระหว่างผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวนี้เคยมีปัญหาร้องเรียนในอดีตที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในท้ายที่สุดท้ายแล้วก็ปฏิบัติไปตามระเบียบของกรมศิลปากร อย่างไรก็ตามส่วนที่สมุทรสาครขอรับไว้พร้อมจะนำไปพิจารณาตามเหตุตามผลอย่างรอบด้าน แต่ผลคำตอบที่แน่ชัดนั้นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงรู้ผล



 ดร.วิชาญเผยว่า ได้ประสานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนหน้าแล้ว ส่วนการร้องคัดค้านอาคารที่ว่านั้นในฐานะชาวสมุทรสาครถือเป็นคนพื้นที่ซึ่งเกรงว่าจะบดบังทัศนียภาพต่างๆ บดบังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ทั้งยังมีเขตโบราณสำคัญของจังหวัดอยู่ จึงไม่น่าเหมาะสมที่จะมีอาคารสูงถึง 7 ชั้นตรงจุดดังกล่าว ทำให้ต้องแสดงเจตจำนงเพื่อขอพิจารณาเข้าเป็นเขตอนุรักษ์ของแนวประวัติศาสตร์โบราณเพิ่มเติม โดยทางจังหวัดเองก็ยังมีโครงการจัดสร้างสถานที่อุทยานแห่งการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของสมุทรสาคร ที่อยู่ข้างเคียงกันเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ดังนั้นเห็นควรจะอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

มีรายงานว่า ด้านที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายตระกูล วินิจนัยภาพ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือ (ที่ อส 006บค/2393) หารือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ระบุเรื่องขออนุญาตก่อสร้างอาคาร สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร ในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค.37 (บางส่วน) โดยมีหนังสือแจ้งยกเลิกคำสั่งทุเลาจังหวัดสมุทรสาครแนบท้าย


 สืบเนื่องจาก ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผวจ.สมุทรสาคร ได้ส่งรายงานผลแจ้งว่าสำนักงานศิลปากรที่ 1 ราชบุรี แจ้งรายงานผลการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อตรวจสอบโบราณสถานในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค.37 (บางส่วน) บริเวณก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ส.36 (บริเวณสวนสาธารณะ ต.มหาชัย) สรุปหลังขุดตรวจสอบทางโบราณคดีแล้วว่า มีโบราณสถานส่วนของมุมกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกด้านตะวันออกเฉียงเหนือโดยก่อยื่นออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงตามลักษณะของมุมป้อมวิเชียรโชฎกจำลองเมื่อ พ.ศ. 2532 และตรงกับรูปที่ดินหลักโฉนดที่ดินที่ 3987 ตรงโฉนดแสดงรูปป้อมวิเชียรโชฎกออกไว้เมื่อ พ.ศ.2468ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งหลังทำการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อตรวจสอบโบราณสถานป้อมวิเชียรโชฎกจึงได้ยุติแล้ว

 จังหวัดสมุทรสาครจึงมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาครที่ 3562/2557 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2557 เรื่องให้ทุเลาคำสั่งอนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุดเข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นมา ระบุกรมศิลปากรได้ขุดค้นพบโบราณสถานในบริเวณที่จะก่อสร้างอาคาร สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร ดังนั้นในการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงโบราณสถานดังกล่าว ขอให้สำนักงานอัยการฯหารือไปยังกรมศิลปากร เพื่อปฏิบัติตามในหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ สร.0201/57 ลงวันที่ 18  เมษายน 2518 รวมทั้งการปฏิบัติตามบันทึกรับทราบแนวเขตและยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ(ข้อ5) ด้วย

 “ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า รายงานของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี เป็นรายงานที่จัดทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียวไม่มีหน่วยงานกลางร่วมพิสูจน์ และรับรองความถูกต้อง ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจึงขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบความถูกต้องของการตรวจพิสูจน์โบราณสถานในที่ดินราชพัสดุดังกล่าว ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดโดยอธิบดีอัยการภาค 7 ได้ลงนามในเลขสัญญาที่ 27/2557ลงวันที่ 30 กันยายน 2557 ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณพงศ์ก่อสร้าง ให้ก่อสร้างอาคารสำนักงานฯ ในแปลงหมายเลขทะเบียน สค.37 ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งอัยการสูงสุดได้เบิกเงินล่วงหน้าในอัตราร้อยละ 15ของงานก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้ว (28,239,150 บาท) และผู้ว่าจ้างได้เริ่มทำงานไปตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2557 โดยตอกเสาเข็มไปแล้วหลายต้นวันที่สำนักศิลปากรที่1 เข้าไปขุดค้นทางโบราณคดีในที่ดินแปลงหมายเลขทะเบียนที่ 37 บางส่วน เพื่อมิให้งานก่อสร้างหยุดชะงักและเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ฯจึงได้ดำเนินการแจ้งให้ทราบ

 ทางอัยการสูงสุดจึงขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำนักงานในที่ดินแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค.37 บางส่วนต่อไป เพื่อเป็นที่ปฏิบัติราชการและให้บริการประชาชนในด้านอรรถคดี เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่เดิมที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ มีความเหมาะสมเพราะอยู่ตรงข้ามกับศาลจังหวัดสมุทรสาคร มีความสะดวกต่อประชาชนที่มาติดต่อราชการ ซึ่งขอให้แจ้งสำนักงานอัยการสูงสุดได้ทราบเป็นกรณีเร่งด่วน

โดย มานพ พฤฒิวโรดม 08-7151-2525







0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น