pearleus

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

เปิดเวทีประชาคม หนุนป้อมวิเชียรฯ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์


เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 7 มีนาคม 2558 ที่บริเวณศาลาหลังคาโค้ง  ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทางประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมี ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต ส.ว.สรรหา นายวรวุฒิ บุญเพ็ง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร และผู้แทนจากหลายภาคส่วน ได้ร่วมกันจัดเวทีประชาคม เพื่อสนับสนุนให้ป้อมวิเชียรโชฎก เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ แห่งที่  9 ของประเทศไทย ซึ่งในการจัดเวทีฯ ครั้งนี้ ก็มีผู้ให้ความสนใจมาร่วมรับฟังกว่า 200 คน โดยกิจกรรมบนเวทีนั้นทางผู้นำภาคประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นพูดถึงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของป้อมวิเชียรโชฎก ตลอดจนเหตุผลสำคัญที่ต้องการให้ป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี ของจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งที่ 9 ของประเทศไทย 

พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นางสาวนารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ขึ้นบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นว่าโบราณสถานป้อมวิเชียรโชกฏ มีอายุราว 187 ปี สันนิษฐานว่าสร้างครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์และกล่าวถึงการขุดค้นพบแนวเขตที่ดินกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่ม ในพื้นที่ๆ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดขอก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร 7 ชั้น พร้อมกับร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่ขุดค้นพบว่าถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน เพื่อให้ชาวจังหวัดสมุทรสาครได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของป้อมวิเชียรโชฎก อันจะนำไปสู่การร่วมมือร่วมใจกันทำให้พื้นที่ในแนวเขตของป้อมวิเชียรโชฎกทั้งหมดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ต่อไป ขณะที่ทางด้านล่างของเวที ก็มีการลงชื่อสนับสนุนป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี และการจำหน่ายเสื้อยืดสีขาว กับ สีดำ
                


ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต ส.ว.สรรหา ตัวแทนภาคประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การจัดเวทีประชาคมนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะคัดค้านการสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร หรือก่อความไม่สงบใดๆ ทั้งสิ้น แต่เวทีประชาคมที่จัดขึ้นนี้เพียงเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็นและเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ที่จะร่วมกันทำให้พื้นที่ภายในเขตป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี หรือของจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นแห่งที่ 9 ของประเทศไทยเท่านั้น




ด้าน ดร.วิชาญฯ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า สำหรับการสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครที่มีความสูง 7 ชั้นนั้น ในส่วนตัวเองและภาคประชาคม ตลอดจนชาวจังหวัดสมุทรสาครที่มาร่วมในเวทีประชาคมครั้งนี้ ก็เห็นด้วยและขอสนับสนุนการสร้างสำนักงานดังกล่าวฯ แต่ขอเพียงแค่ว่าให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาย้ายพื้นที่ก่อสร้างไปสร้างในที่ดินอื่นของจังหวัดสมุทรสาคร แทนการสร้างในพื้นที่ๆ มีการขุดค้นฐานกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่มเท่านั้นเอง  โดยที่ดินในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ยังมีอีกหลายแปลงที่มีความเหมาะสมสำหรับสิ่งก่อสร้างที่สูงและใหญ่อย่างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนแปลงที่ราชพัสดุซึ่งมีการขุดค้นแนวเขตที่ดินของฐานป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่มนั้น ขอให้เก็บไว้เพื่อให้กรมศิลปากรได้พัฒนาให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี ของจังหวัดสมุทรสาคร
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมศิลปากรเพื่อให้ขอให้ประกาศแนวเขตที่ดินกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกส่วนที่อยู่ใต้ดินเพิ่ม จากเดิมที่เคยประกาศให้ป้อมวิเชียรโชฎกส่วนที่พบอยู่บนดินเป็นโบราณสถานไปแล้วนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น ซึ่งทางประชาคมจังหวัดสมุทรสาครจะเข้าไปติดตามสอบถามอีกครั้งที่สำนักงานกรมศิลปากร ภายในอาทิตย์หน้านี้

ทั้งนี้บรรยากาศของการจัดเวทีประชาคมนั้น ก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีการตอบข้อซักถามกันไปมา เช่น ทำไมกรมศิลปากรไม่ประกาศพื้นที่เพิ่ม และ ทำไมสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ภายในพื้นที่ป้อมวิเชียรโชฎกยอมย้ายออกไปแล้ว แต่สำนักงานอัยการจะกลับเข้ามาสร้างในพื้นที่แนวเขตของป้อมวิเชียรโชฎก เป็นต้น ซึ่งก็ใช้เวลาในการจัดเวทีประชาคมครั้งนี้นานประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและแยกย้ายกันกลับไป





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น