เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 7 มีนาคม 2558
ที่บริเวณศาลาหลังคาโค้ง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ทางประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมี ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต
ส.ว.สรรหา นายวรวุฒิ บุญเพ็ง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร
และผู้แทนจากหลายภาคส่วน ได้ร่วมกันจัดเวทีประชาคม เพื่อสนับสนุนให้ป้อมวิเชียรโชฎก
เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ แห่งที่ 9 ของประเทศไทย ซึ่งในการจัดเวทีฯ ครั้งนี้ ก็มีผู้ให้ความสนใจมาร่วมรับฟังกว่า
200 คน
โดยกิจกรรมบนเวทีนั้นทางผู้นำภาคประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร
ก็ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นพูดถึงประวัติความเป็นมา
และความสำคัญของป้อมวิเชียรโชฎก
ตลอดจนเหตุผลสำคัญที่ต้องการให้ป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี
ของจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งที่ 9
ของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นางสาวนารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ขึ้นบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นว่าโบราณสถานป้อมวิเชียรโชกฏ
มีอายุราว 187 ปี
สันนิษฐานว่าสร้างครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์และกล่าวถึงการขุดค้นพบแนวเขตที่ดินกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่ม
ในพื้นที่ๆ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดขอก่อสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร 7 ชั้น พร้อมกับร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ รวมถึงสิ่งของต่างๆ
ที่ขุดค้นพบว่าถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน
เพื่อให้ชาวจังหวัดสมุทรสาครได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของป้อมวิเชียรโชฎก
อันจะนำไปสู่การร่วมมือร่วมใจกันทำให้พื้นที่ในแนวเขตของป้อมวิเชียรโชฎกทั้งหมดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ต่อไป
ขณะที่ทางด้านล่างของเวที
ก็มีการลงชื่อสนับสนุนป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี
และการจำหน่ายเสื้อยืดสีขาว กับ สีดำ
ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีต ส.ว.สรรหา
ตัวแทนภาคประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า
การจัดเวทีประชาคมนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะคัดค้านการสร้างสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร
หรือก่อความไม่สงบใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เวทีประชาคมที่จัดขึ้นนี้เพียงเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็นและเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร
ที่จะร่วมกันทำให้พื้นที่ภายในเขตป้อมวิเชียรโชฎกเป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี
หรือของจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นแห่งที่ 9
ของประเทศไทยเท่านั้น
ด้าน ดร.วิชาญฯ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า
สำหรับการสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครที่มีความสูง 7 ชั้นนั้น ในส่วนตัวเองและภาคประชาคม
ตลอดจนชาวจังหวัดสมุทรสาครที่มาร่วมในเวทีประชาคมครั้งนี้
ก็เห็นด้วยและขอสนับสนุนการสร้างสำนักงานดังกล่าวฯ
แต่ขอเพียงแค่ว่าให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาย้ายพื้นที่ก่อสร้างไปสร้างในที่ดินอื่นของจังหวัดสมุทรสาคร
แทนการสร้างในพื้นที่ๆ มีการขุดค้นฐานกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่มเท่านั้นเอง โดยที่ดินในจังหวัดสมุทรสาครนั้น
ยังมีอีกหลายแปลงที่มีความเหมาะสมสำหรับสิ่งก่อสร้างที่สูงและใหญ่อย่างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร
ส่วนแปลงที่ราชพัสดุซึ่งมีการขุดค้นแนวเขตที่ดินของฐานป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่มนั้น
ขอให้เก็บไว้เพื่อให้กรมศิลปากรได้พัฒนาให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรี
ของจังหวัดสมุทรสาคร
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมศิลปากรเพื่อให้ขอให้ประกาศแนวเขตที่ดินกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกส่วนที่อยู่ใต้ดินเพิ่ม
จากเดิมที่เคยประกาศให้ป้อมวิเชียรโชฎกส่วนที่พบอยู่บนดินเป็นโบราณสถานไปแล้วนั้น
ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ซึ่งทางประชาคมจังหวัดสมุทรสาครจะเข้าไปติดตามสอบถามอีกครั้งที่สำนักงานกรมศิลปากร
ภายในอาทิตย์หน้านี้
ทั้งนี้บรรยากาศของการจัดเวทีประชาคมนั้น
ก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีการตอบข้อซักถามกันไปมา เช่น
ทำไมกรมศิลปากรไม่ประกาศพื้นที่เพิ่ม และ ทำไมสถานที่ต่างๆ
ที่อยู่ภายในพื้นที่ป้อมวิเชียรโชฎกยอมย้ายออกไปแล้ว
แต่สำนักงานอัยการจะกลับเข้ามาสร้างในพื้นที่แนวเขตของป้อมวิเชียรโชฎก เป็นต้น
ซึ่งก็ใช้เวลาในการจัดเวทีประชาคมครั้งนี้นานประมาณ 2 ชั่วโมง
ก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและแยกย้ายกันกลับไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น