พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว
และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย
ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่และเอกอัคราชทูตในกลุ่มทวีปยุโรปกว่า
๑๖ ประเทศ เกี่ยวกับปัญหารถรับจ้าง (แท็กซี่ป้ายดำ) ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
มีพฤติกรรมคุกคาม ข่มขู่ และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ
อันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และสร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
พล.ต.อ.อดุลย์
แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง
ดำเนินการสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด
จนกระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้
โดยเมื่อวันที่ ๘ ก.ย. ๒๕๕๖ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุมตัว
คือ
๑. นายป้อม สุขเกษม อายุ ๔๒ ปี
๒. นายเสริญ สุขเกษม อายุ ๕๒ ปี
โดยกล่าวหาว่า
“ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด
โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ
ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น
หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น
หรือยอมจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันกรรโชก” พฤติการณ์ในการกระทำความผิด
กล่าวคือ มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามว่า
ผู้ต้องหาได้ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ โดยมิชอบด้วยกฎหมายจากผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้าง
โดยหากผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างรายใดไม่ยอมจ่ายค่าวินรถรับส่งผู้โดยสาร
จะห้ามไม่ให้นำรถมาวิ่งที่ วินหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตโดยเด็ดขาด
และมีการทำร้ายผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างบางราย จนทำให้เกรงกลัวว่าจะได้รับอันตรายต่อชีวิต
ร่างกาย และยินยอมส่งมอบเงินค่าวินให้ผู้ต้องหาไป
โดยทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้สืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีอิทธิพล
โดยใช้มาตรการทางภาษีและกฎหมาย
สำหรับประชาชนที่พบเห็นเหตุพฤติกรรมต้องสงสัย ที่จะก่อให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่ต่างๆ
หรือต้องการแจ้งเบาะแส ข้อร้องเรียนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
สามารถแจ้งไปยังหมายเลขโทรศัพท์ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๑๕๙๙ ได้ตลอด ๒๔
ชั่วโมง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น