หลังจากที่ทีมงานผู้สื่อข่าว
หนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึก ได้นำเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหวว่า “เกิดอะไรขึ้นที่วัดศรีมหาโพธิ์
อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น
ได้มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจในเรื่องราวดังกล่าว โดยเฉพาะชาวจังหวัดนครปฐม
และชาวอำเภอนครชัยศรี รวมถึงวัดต่างๆที่ยังไม่ทราบเรื่อง
และต้องการทราบว่าเหตุการณ์นี้เป็นมาอย่างไร
ทีมข่าวจึงพยายามล้วงลึกเข้าไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา
ขอย้อนความเล่าที่มาของความขัดแย้งก่อนว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม
พ.ศ.2555 หลังจากที่พระอธิการสุนทร กิตติสุนทโร
เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ประมาณ 1ปี ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
นำโดย กำนันผู้ใหญ่บ้าน และ อ.บ.ต.ตำบลศรีมหาโพธิ์ ได้เดินทางเข้าพบพระครูโกวิทสุตการ
เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลศรีมาหาโพธิ์ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน
โดยอ้างว่าพระอธิการสุนทร เจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์ ปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางทุจริต
ในเรื่องการใช้จ่ายเงินของวัด รวมทั้งให้ความไว้วางใจผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆ
ภายในวัด
ต่อมาทาง
พระครูโกวิทสุตการ เจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ จึงได้มีการเรียกผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว
เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานและหาข้อเท็จจริงต่างๆขึ้น ในวันที่16 กันยายน
พ.ศ.2555 และผลของการประชุมดังกล่าว
ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้
เวลาต่อมาได้มีการนัดหมายประชุมชี้แจ้งเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นในวันที่
21 กันยายน 2555
ซึ่งการประชุมในครั้งนั้นประกอบด้วยพระเถระผู้ใหญ่ทั่วไปทั้งอำเภอนครชัยศรี
นำโดยพระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสำโรง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี
พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดศรีมหาโพธิ์ ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอ.บ.ต. ของวัดศรีมหาโพธิ์ เข้าร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบเอกสารต่างๆณ.วัดโคกเขมา และในการประชุมครั้งนี้ก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่
ของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ มาร่วมรับฟังการพิจารณาด้วย
เนื้อหาหลักๆ ในที่ประชุมระบุว่า ผู้นำชุมชนและคณะกรรมการ
ไม่มีความไว้วางใจการทำหน้าที่ในการเป็นเจ้าอาวาสของพระอธิการสุนทร กิตติสุนทโร
และปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางทุจริต รวมถึงการให้ผู้หญิงมาทำงานในวัด จึงต้องการให้ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสหรือก็ให้สึกไปเสีย
ซึ่งพระอธิการสุนทร บอกว่า
เป็นลูกหลานของเจ้าอาวาสองค์เก่าที่มรณภาพไป
มีครอบครัวอยู่ในพื้นที่ตำบลศรีมหาโพธิ์
และเคยมาช่วยงานต่างๆในวัดเป็นครั้งคราว
เวลามีงานการอะไรก็ไหว้วานมาช่วยทำธุระให้กับทางวัด ส่วนตัวไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรต่อกัน คิดว่าเป็นเหมือนลูกหลานของตนเอง
สุดท้ายพระ ผู้ใหญ่หลายๆท่านลงความเห็นแล้วว่า พระอธิการสุนทร(เจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์)
ไม่ได้มีความผิดถึงขั้นจะต้องปลดออกจากการเป็นเจ้าอาวาส
แต่การประชุมก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนในที่สุดได้มีการปรึกษาหารือกันโดยจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อแก้ไขปัญหาโดยได้กำหนดวันนัดหมายในวันที่
29 กันยายน 2555
แต่ทางคณะสงฆ์พระผู้ใหญ่ได้พิจารณามองเห็นว่า
การจัดทำดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง จึงได้ยกเลิกการลงคะแนนเสียงโดยไม่มีข้อสรุป
อย่างไรก็ตามทีมข่าวชี้ชัดได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่านับจากวันนั้นเป็นต้นมาคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้เข้ามาบริหารจัดการภายในวัดศรีมหาโพธิ์ จนกระทั่งถึงวันที่ 10 มีนาคม
2556 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันมรณภาพปีที่ 2 ของพระครูพิทักษ์โพธิวัฒน์
อดีตเจ้าอาวาสองค์เก่า ทางคณะกรรมการ ได้นำเงินส่วนหนึ่งของทางวัดที่ได้จากการเก็บค่าจับจองร้านค้าในงานครบรอบประจำปี
2556 ของวัดไป จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 16-20 มีนาคม 2556 ซึ่งตรงกับงานประจำปีปิดทองของวัด
ทางคณะกรรมการชุดดังกล่าวก็ได้เบิกถอนเงินอีกจำนวน 250,000 บาทไปใช้ในการจัดงาน
จากนั้นวันที่ 25 มีนาคม 2556
ได้มีการประชุมชี้แจงว่าจะจัดทำรายรับ-รายจ่ายงานประจำปีของวัด
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 16-18 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นงานมหาสงกรานต์ผ่านพ้นไป ทางคณะกรรมการก็ยังไม่สามารถทำบัญชีชี้แจงรายรับ-รายจ่ายมาส่งให้กับทางวัดได้ครบทั้ง 3 งาน มีเพียงบัญชีงานประจำปี
2556 ของวัดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้พระอธิการสุนทร และไวยาวัจกรของวัด จึงได้ดำเนินคดีกับหัวหน้าคณะกรรมการ ซึ่งในขณะนี้ยังเป็นคดีความกันอยู่ในชั้นศาล
ทางทีมข่าวชี้ชัดได้สัมภาษณ์กับหัวหน้าคณะกรรมการ คือกำนันสมเกียรติ์
ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ได้ความว่า วัดศรีมหาโพธิ์เจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะปู่ย่า
ตา ยาย เป็นคนธนุบำรุงรักษากันมายาวนานแล้วทำไมลูกหลานจึงไม่ช่วยกันดูแลต่อไป
เริ่มต้นที่รู้เรื่องราวต่างๆก็เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเงินๆทองๆของทางวัดก็ทราบข่าวจากชาวบ้านมาก่อนจนหนาหู
ตนเองจึงปรึกษาผู้นำชุมชนทุกๆฝ่ายว่าจะทำอย่างไร จึงได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อปรึกษาหารือปัญหาที่เกิดขึ้น
ที่เจ้าอาวาสได้ให้โยมผู้หญิงทางฝ่ายเจ้าอาวาสเองมาเป็นธุระจัดการแทนตัวจ้าอาวาสทุกอย่างโดยให้โยมผู้หญิงมานิมนต์พระเองเก็บกุญแจเอง
จึงทำให้พระสงฆ์ภายในวัดเกิดความแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน
ใครอยู่ฝ่ายเจ้าอาวาสก็จะได้รับกิจนิมนต์ ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่ค่อยมีงานกิจนิมนต์
ชาวบ้านกับผู้นำชุมชนหลายฝ่ายจึงมีมติในที่ประชุมเห็นว่า สมควรนำเรื่องทั้งหมดไปปรึกษา
พระอธิการสุนทร เสียก่อนว่าได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่
เจ้าอาวาสก็ไม่มีทีท่าอะไร ได้แต่หัวเราะแล้วทำเฉยๆ
เพียงแต่เอ่ยว่าก็ไม่รู้จะไปใช้ใครและใครจะมาให้ใช้ ตนเองได้แนะนำเจ้าอาวาสว่า ให้ญาติโยมที่เป็นผู้ชายฝ่ายเจ้าอาวาสทำแทนก็ได้
แต่เจ้าอาวาสก็ยังเฉยเมยเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านก็ทราบเรื่องอีกว่า
เจ้าอาวาสได้ไปถ่ายโฉนดให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปติดจำนองจำนำไว้ ต่อมาเดือนกันยายน 2555
เหล่าผู้นำชุมชนก็ได้ติดตามผลงานของเดือนสิงหาคม 2555 ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง ก็ปรากฏว่าไม่ได้รับการแก้ไขจากเจ้าอาวาสแต่อย่างใด
ผู้นำชุมชนหลายฝ่ายไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเห็นสมควรว่าให้เป็นไปตามขั้นตอนและระบบจึงเสนอไปยังพระผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาคือพระครูโกวิทสุตการ
เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ ไปเรียนบอกปัญหาต่างๆให้ทราบ
หลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านลุกฮืออีก
เพื่อทวงถามปัญหาที่ผ่านมาว่าได้รับการแก้ไขหรือไม่ จนกระทั้งพระครูโกวิทสุตการ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบโดยมีพระครูศิริปุญญาภิวัฒน์
เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เป็นประธาน ซึ่งมีคณะกรรมการระดับเจ้าอาวาส 10 กว่าวัดร่วมสอบ ตนเองในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการเป็นคนตั้งกระทู้ถามว่าทุกสิ่งทุกอย่างตนเองไม่ได้เห็นมากับตา
ซึ่งก็ทราบมาจากชาวบ้าน ขอให้เจ้าอาวาสตอบตรงๆว่าใช่กับไม่ใช่เท่านั้นเอง
โดยตนเองถามว่าพระอาจารย์ได้ไปถ่ายโฉนดให้ผู้หญิงจริงหรือไม่
พระอาจารย์ตอบว่าใช่ ตนเองถามต่ออีกว่าทำไมพระอาจารย์ไปปิดบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส. ที่มีเงินอยู่ 9
แสนกว่าบาทอยู่ ทำไมถึงแอบอ้างกรรมการ 2 คน (อดีตผู้ใหญ่บ้านและอ.บ.ต.)ไปปิดบัญชี พระอาจารย์กล่าวอ้างว่าเวลาเบิกจ่ายบัญชีมันยุ่งยาก
และตนเองถามต่อว่าแล้วทำไมบัญชีธนาคารธนชาติเงินหายไป 5 แสนบาท
พระอาจารย์กล่าวอ้างว่านำเงินไปใช้ภายในวัดนั้นแหละ
จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมพระอาจารย์ไม่แจ้งให้คณะกรรมการทราบ
ตั้งแต่มาเป็นเจ้าอาวาสยังไม่เคยเรียกประชุมคณะกรรมการให้ทราบเรื่องการใช้เงินสักครั้งเลย
งานประจำปีทั้ง 2 ครั้งได้เงินมาครั้งละล้านกว่าบาททำไมพระอาจารย์ถึงไม่นำเงินเข้าบัญชีก็ได้รับคำตอบจากพระอาจารย์ว่า
เอาไปเข้าแล้วมันยุ่งยากก็ใช้จ่ายภายในวัดนั้นแหละตรวจสอบได้ แต่ตนเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพียงแต่แค่สงสัยเรื่องการใช้จ่ายเงินของเจ้าอาวาสภายในวัดเท่านั้นเอง
หลังจากเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรีสอบสวนเสร็จเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรีได้ถามเจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์ว่าได้หาทางออกไว้แล้วหรือยัง
พระอาจารย์ตอบว่าจะขอแก้ตัวอีกครั้ง โดยขอเวลาให้เจ้าอาวาสดำเนินการแก้ไข 1 ปี
จึงมีหนังสือน้อมรับมาให้เจ้าอาวาสได้แก้ไขปรับปรุงการทำงานตามที่ทางคณะสงฆ์และคณะกรรมการบ้านเมืองมีมติผลสรุปข้อเสนอแนะต่างๆมา
5 ข้อคือ
1.เรื่องที่ให้ผู้หญิงเข้ามาจัดการ สรุปให้เอาออกไปเสียไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว
เจ้าอาวาสน้อมรับปฏิบัติตาม
2.เรื่องการทำงานให้นำคณะกรรมการเก่าเข้าร่วมทำงานด้วย
เจ้าอาวาสน้อมรับปฏิบัติตาม
3.จะทำอะไรขอให้มีการประชุมปรึกษากันก่อน
เรื่องการจ่ายเงินต้องทำด้วยความเห็นร่วมกันพระและโยม เจ้าอาวาสน้อมรับปฏิบัติตาม
4.เรื่องทางโรงทอง ที่ไม่มีการจ้างคนดูแล ให้พระเข้ามาช่วยกันดูแล ถ้าคณะกรรมการคนไหนว่างก็สามารถที่จะเข้ามาช่วยได้ทุกๆคน
เจ้าอาวาสน้อมรับปฏิบัติตาม
5.เรื่องการเงินของวัดนั้นจะใช้จ่ายอะไรต้องประชุมกับคณะกรรมการก่อนถ้าคณะกรรมการเห็นชอบจึงดำเนินการต่อไปได้
เจ้าอาวาสก็น้อมรับปฏิบัติตาม
และนี้คือทั้งหมดที่เป็นเรื่องราวและข้อมูลของทั้งสองฝ่ายระหว่างพระอธิการสุนทร
เจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์ กับกำนันสมเกียรติ์
หัวหน้ากรรมการที่ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวชี้ ชัดเจาะลึก แต่เราก็ยังคงจะต้องติดตามต่อไปว่าจะพระอธิการสุนทร
จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้หรือไม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น