“การสร้างจิตสำนึกของความเป็นชาติ” แก่คณาจารย์และนักเรียนนายร้อยตำรวจ
“ข้าราชการต้องไม่ยอมให้ผู้ใดลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์”
เมื่อ
29 ส.ค.56ณ หอประชุมชุณหะวัณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม ม.ล. ปนัดดา
ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง
“การสร้างจิตสำนึกของความเป็นชาติ” แก่คณาจารย์และนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ในโอกาสการกล่าวสดุดี พล.ต.ท. อารีย์ อ่อนชิต ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ม.ล. ปนัดดา
กล่าวว่าเอกลักษณ์ของชนชาติไทยมีความเข้มแข็ง อันมีลักษณะที่โดดเด่นของความเป็นชาตินิยมที่มีความงดงาม
ถือเป็นแบบอย่างให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ต่างพากันยกย่องให้ประเทศไทยเป็นสังคมแบบอย่างของประเทศที่ยึดมั่นหลักปรัชญารู้-รัก-สามัคคี
มาโดยตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ก่อให้เกิดผลในเรื่องความเป็นเอกภาพของผู้คนที่มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยและยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติในการสร้างคุณความดี
เรื่องคุณความดีที่เกิดขึ้นจากภาคประชาสังคมมิใช่เป็นเรื่องที่หาได้โดยง่ายในทุกๆ
สังคม
แต่เป็นเรื่องของการสั่งสมแบบอย่างในเชิงความคิดและการกระทำที่คนรุ่นใหม่เรียกว่า
“โมเดล” และคำว่าโมเดล นี้เองที่จะเป็นตัวนำทางและตัวชี้วัดนำสู่ความสำเร็จ
หรือในทางตรงข้ามนำสู่ความล้มเหลว “โมเดล” ที่ควรมีการนิยามความหมายทางสังคมไทย
คือ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความรอบคอบ ประหยัด
ชีวิตมีความเรียบง่าย
เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระปัญหาแก่ครอบครัว องค์กร และสังคม การดำรงชีวิตที่ปราศจากหนี้สินครัวเรือน แม้จะมีความยากลำบาก ต้องอดทนและขวนขวาย แต่มีเกียรติ
ข้อนี้นักเรียนนิสิตนักศึกษาและนักเรียนนายร้อยต้องจดจำให้ได้ นักเรียนนิสิตนักศึกษาและนักเรียนนายร้อยล้วนเป็นเยาวชนที่เป็นความหวังของสังคมด้วยกันทั้งสิ้น
การเลือกทางเดินที่เป็นแบบอย่างอันถูกต้องจึงถือเป็นความสำคัญอันดับแรก
เพราะหากเลือกผิดผลที่เกิดขึ้นตามมาย่อมไม่ใช่ผลเสียหรือความล้มเหลวเฉพาะปัจเจกบุคคล
แต่กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ได้แก่ ความล่มสลายของสังคมที่เป็นภาพใหญ่ของประเทศ ในที่นี้
จึงขอให้มองแบบอย่างอันถือเป็นการกระทำที่เป็นการเสริมสร้างความเจริญที่ยั่งยืนแก่ประเทศชาติและประชาชน
เยาวชนต้องปฏิเสธการกระทำความไม่ดี สิ่งที่ผิดและการทุจริตคดโกง
ที่ปัจจุบันระบบราชการที่อ่อนแอเกิดความเปราะบางไปเป็นอันมากก็ด้วยไม่ยึดถืออุดมคติแห่งความถูกต้องประการนี้
ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติในอนาคต ซึ่งหากสถาบันข้าราชการเป็นหลักแห่งความเชื่อมั่นที่ดีแก่สังคม
ไม่แกว่งหรือที่คนไทยแต่โบราณสอนมาว่า “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก”
คิดได้เช่นนี้ประเทศชาติย่อมจะสามารถฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ในที่สุด
ปัญหาจึงอยู่ที่ความคิดที่ต้องอิงอยู่กับหลักคุณธรรมโดยตลอดเวลา
และร่วมกันประณามการกระทำอันเป็นความชั่วร้ายหรือการเนรคุณแผ่นดินและบรรพชน การดำรงภาระหน้าที่ของข้าราชการทั้งพลเรือน
ตำรวจ ทหาร ต้องมีอุดมการณ์ประจำใจอยู่ 2ประการสำคัญ ตามที่สมเด็จฯ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีประทานสอนไว้แก่นักเรียนนายร้อยและนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่พระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการก่อตั้งสถาบันการศึกษาทั้งสองขึ้นถวายในหลวงรัชกาลที่
5 กล่าวคือ “ความจงรักภักดีที่ข้าราชการพึงมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ที่จะไม่ยอมให้ผู้ใดแสดงความลบหลู่ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์”
ซึ่งข้าราชการจะต้องเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ประการที่ 2 คือ
ข้าราชการต้องซื่อตรงต่อแผ่นดิน ไม่ทุจริตคดโกงใด ๆ
ที่เป็นเงินทองภาษีอากรจากประชาชนเพื่อบำรุงรักษาประเทศชาติ
“การสร้างคุณความดีของลูกหลานเยาวชนทุกคน
จึงเปรียบเสมือนการสร้างกำแพงจริยธรรมให้กับประเทศชาติบ้านเมืองไทยที่เป็นนิรันดร์
ให้คนไม่ดีหรือเป็นที่รังเกียจของสังคมออกไปอยู่นอกกำแพง
ส่วนคนภายในก็จงมุ่งมั่นเสริมสร้างสิ่งที่ซึ่งเรียกว่าเป็นคุณความดีและความถูกต้องกันต่อไปอย่างไม่มีวันท้อแท้ ประเทศชาติจะเกิดความเจริญก้าวหน้าสมดั่งบุพการีชนของแผ่นดินไทยได้มีความมุ่งมาดปรารถนาไว้”
รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น