เมื่อวันที่
16 มกราคม 2563 เวลา 06.45น. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายวุฒิพงษ์
สุภัควนิช นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ปลัดอำเภอ
สมาชิก อส. กองร้อย อส.อำเภอเมืองสมุทรสาคร สมาชิก อส.กองร้อย อส.จังหวัดสมุทรสาคร
ผญบ.ม.2 ชรบ.ม.2 ตำบลนาโคก เข้าตรวจพื้นที่โรงงานในพื้นที่ ม.2 ตำบลนาโคก
เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครว่ามีโรงงานปล่องแดง
ลักลอบเปิดหลอมโลหะอีก
โดยชุดปฏิบัติการดังกล่าว
จึงได้เข้าทำการตรวจโรงงานโดยประสานกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร
สนง.จัดหางานจังหวัด ตรวจคนเข้าเมืองสมุทรสาคร ตำรวจ สภ.บางโทรัด อบต.นาโคก
พบว่าขณะเข้าทำการตรวจโรงงานพบว่า โรงงานมีการเดินเครื่องเตาหลอมโลหะ อยู่ และพบคนงานชาวเมียนมาร์
2 คน และคนจีน 4 คน พร้อมชาวไทย 1 คน ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดูแลโรงงาน พร้อมได้มีการขอดูเอกสาร
พบว่าบ.เซ็ทเมทอล จำกัด ทำสัญญาเช่าจากนายกษิดิ์เดช ฯ พบการกระทำความผิด
ทางอุตสาหกรรมจังหวัดจึงได้แจ้งข้อหาบ.เซ็ทเมทอล
ว่าดำเนินการตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม ม.12 ซึ่งมีความผิดจำคุกไม่เกิน 2
ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำคุกและปรับ เพิกถอนใบอนุญาต รง.4
ของนายกษิดิ์เดช เนื่องจากเอาไปปล่อยให้บ.เซ็ทเมทอล เช่า ดำเนินคดีกับผู้ที่ทำลายอุปกรณ์ที่ถูกตีตราประทับเครื่องจักร
ในส่วนของจัดหางาน ดำเนินคดีกับชาวเมียนมาร์
(ผู้หญิง) ถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 64/2 พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2561 “ผู้รับอนุญาตให้ทำงานมีหน้าที่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบถึงผู้เป็นนายจ้าง
สถานที่ทำงาน และลักษณะงานหลักที่ทำ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เข้าทำงาน” เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนาง KHIN THAN NU ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางโทรัดและร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อบริษัทเซ็ทเมททอล
จำกัด ตามมาตรา 13 “ผู้ใดจ้างคนต่างด้าวทำงานต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบชื่อและสัญชาติของคนต่างด้าวและลักษณะงานที่ให้ทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่จ้าง”
แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกันทั้งในนามบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต่อไป
ในส่วนของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินดคี
กับนายนที แซ่หย่าง สัญชาติไทย ปรับ ม.38 ข้อหา “เป็นเจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถาน
รับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
เข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ
ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองตั้งอยู่ในท้องที่ที่บ้าน เคหสถาน
หรือโรงแรมนั้นตั้งอยู่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง”
MR.YUAN XINYI สัญชาติจีน ปรับ ม.37(4)
ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวที่เดินทางไปจังหวัดใดและอยู่ในจังหวัดนั้นเกิน
24 ชม. ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ทราบภายใน 48 ชม. นับแต่เวลาไปถึง” และ ปรับ ม.37(5) ข้อหา “คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวไม่แจ้งที่พักอาศัยของตนเมื่อครบกำหนด
เก้าสิบวันหรือทุกระยะ เก้าสิบวัน”
- MR.CAO LIHUI สัญชาติจีน
ปรับ ม.37(4) ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวที่เดินทางไปจังหวัดใดและอยู่ในจังหวัดนั้นเกิน
24 ชม. ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ทราบภายใน 48 ชม. นับแต่เวลาไปถึง”ส่วนคนจีน อีก 2 คน ถือวีซ่านักท่องเที่ยว ได้จัดทำบันทึกประวัติไว้
ในส่วนของทาง อบต.นาโคก ได้ออกคำสั่งรื้ออาคาร ที่ไม่ได้รับอนุญาต ตาม
พรบ.ควบคุมอาคาร และดำเนินคดี ตาม พรบ.สาธารณสุข พ.ศ.2535
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม คณะของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
ได้เคยเข้าดำเนินการตรวจโรงงานนี้ และทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
ได้ดำเนินคดีกับนายกษิดิ์เดชฯ ซึ่งรับว่าเป็นผู้ประกอบกิจการโรงงาน ไป 2 คดี คือ ตั้งและประกอบกิจการโรงงานไม่ได้รับอนุญาต
และมีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการจนกว่าจะได้มีการจัดทำระบบบำบัดอากาศและมีการผูกตราประทับเครื่องจักร
และดำเนินคดี กับอีก 1 บริษัท
ที่ตั้งและประกอบกิจการโรงงานหลอม รีด อลูมิเนียมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการดำเนินคดีทางอุตสาหกรรม
ได้ดำเนินคดีแล้ว พร้อมกับทาง อบต.นาโคก ได้มีการกล่าวโทษ กรณีตามพรบ.สาธารณสุข ต่อพนักงานสอบสวน
สภ.บางโทรัด แล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น