pearleus

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

มท.1 สั่งการผู้ว่าฯ เข้มงวด บังคับใช้กฎหมายตามแผนปฏิบัติฯ แก้ไขฝุ่น PM2.5




     วันที่ 24ม.ค.63 ที่กระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยในการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบ Video Conference ว่า
จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ มีปัญหาค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน (50ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ในหลายพื้นที่ 
     พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.พ 62 กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็น "วาระแห่งชาติ" และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์จะต้องยึดแผนปฏิบัติการฯนี้เป็นหลัก ร่วมกับแผนป้องและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นแนวทางในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว ใน 3 มาตรการ  ได้แก่ 1. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ 2. การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง 3. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนเผชิญเหตุในช่วงวิกฤติตามที่กำหนดไว้ 4 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่าไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ระดับที่ 2 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 51 ถึง 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรระดับที่ 3 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 76 ถึง 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและระดับที่ 4 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่ามากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องอำนวยการสั่งการในการแก้ไขปัญหา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ระดับฝุ่นละออง และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ 
     พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า ในขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในระดับ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลสถานการณ์จากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาสถานการณ์ โดยนำมาตรการตามแผนปฏิบัติการฯ มาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเน้นมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) เช่น ต้นกำเนิดจากยานพาหนะ ต้องมีมาตรการตรวจสอบควบคุมรถควันดำ การกำหนดพื้นที่ในการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินระดับมาตรฐาน การจำกัดการเผา ต้องห้ามการเผาในที่โล่งแจ้งทุกชนิด สำหรับการเผาทางการเกษตรต้องดูให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และการควบคุมดูแลโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในพื้นที่อย่างเข้มงวด เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในมาตรการและข้อกฎหมาย โดยกำชับให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยเหลือประชาชน อาทิ การดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขและการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งสรุปรายงานผลการดำเนินงานและปรับมาตรการต่าง ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วย
     พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติเป็นต้องเร่งแก้ไข ทั้งในระยะเผชิญเหตุ ระยะสั้น และระยะยาว จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้มงวด บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่ พร้อมสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ร่วมกัน


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น