กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช
ผบช.น พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม รอง ผบช.น.
, พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.นพศิลป์
พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. , กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ภายใต้การอำนวยการ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย
ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ , พ.ต.ท.นพดล เจริญทรัพย์ , พ.ต.ท.ธิติพงษ์ สียา , พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร รอง ผกก. , ร.ต.อ.กิติพัฒน์
ใจอารีรอบ สว.ฯ , ร.ต.ท.พิชิต สนธิโพธิ์ รอง
สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ
ได้ร่วมกันจับกุม
นางสาวจุฑาภาส อังกาพย์ อายุ 37 ปี
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ 3/2561
ลงวันที่ 4 มกราคม 2561 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงทรัพย์ ”
จับกุมได้ที่ ลานจอดรถอาคาร
เดอะกั๊มคอนโด เลขที่ 567/397 ม.5 ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี
พฤติการณ์กล่าวคือ
ตามที่ได้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ได้รับความเสียหาย จากการถูกกลุ่มคนร้ายหลอกลวง
ว่าเป็นโบรกเกอร์ ขายประกันภัย จึงได้มีการรวมตัวกัน เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้ และ
ได้มีการขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งทาง เทสโก้ โบรกเกอร์ และ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็ได้รับเรื่องร้องเรียน
จากผู้เสียหายกว่า 200 รายทั่วประเทศ ว่าได้รับความเดือดร้อน จากการถูกมิจฉาชีพ
ฉ้อโกง โดยหลอกลวงให้ทำประกันภัยจนได้รับความเสียหาย คิดเป็นทุนประกันเกินกว่า 50 ล้านบาท และ คนร้ายได้กระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดี
แต่ยังไม่ยอมเลิกกระทำ กลับมาเปิดบริษัทใหม่ เพื่อกระทำความผิดอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ได้เพิ่มรูปแบบของการกระทำความผิด ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ทำให้ยากต่อการสืบสวนติดตามจับกุม ทำให้เกิดผู้เสียหายไม่เว้นแต่ละวัน
จนกระทั่งได้มีการรวมตัว เพื่อแจ้งเตือนในสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานต่างๆ
ร่วมทั้งขอความช่วยเหลือไปยังผู้สื่อข่าวหลายสำนักนั้น ผบก.สส.บช.น.ได้ทราบเหตุดังกล่าว
จึงได้สั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหารายนี้ โดยเร็วที่สุด
เพื่อเป็นการยับยั้ง ไม่ให้ก่อเหตุ และ บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียหาย ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวฯจึงได้สืบสวน ติดตาม
จับกุมผู้ต้องหาได้ จากนั้นจึงได้นำส่ง พงส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พฤติการณ์ของผู้ต้องหา กล่าวคือ
ผู้ต้องหารายนี้เคยทำงานเป็นตัวแทนขายประกันภัย จึงรู้ช่องทางในการติดต่อ ซื้อ-ขายประกันภัย
รวมทั้งมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า ดังนั้น
ผู้ต้องหารายนี้จึงได้มีการไปเปิดบริษัทหลายบริษัท และ เปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท
เพื่อให้น่าเชื่อถือว่าเป็นโบรกเกอร์ขายประกันภัย จริง ๆ เช่น บริษัท ที.ไอ.เอส ควอลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด , บจก.ไอ.ซี.มอเตอร์ เซลล์ เซอร์วิส จากนั้นจะโทรไปหาลูกค้าที่เคยทำประกันภัย
และกำลังหมดอายุ เพื่อให้ต่อประกันภัยกับตน โดยเสนอส่วนลด และ
มอบสิ่งของเป็นกล้องถ่ายรูป หรือ โทรศัพท์ เพื่อจูงใจ ทำให้ผู้เสียหาย หลงเชื่อ
และ อยากมาทำประกันภัยกับผู้ต้องหา ประกอบกับเห็นว่า เป็นการโอนเงินเข้าบริษัท
จึงน่าเชื่อถือและ หลงเชื่อ จนมีการโอนเงินเข้าบัญชีที่ผู้ต้องหาอ้าง ตกรายละ 10,000 – 25,000 บาท และ กระทำเช่นนี้เกือบแทบทุกวันมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้มีผู้เสียหายหลายร้อยราย
และ มีมูลค่าความเสียหายคิดเป็นทุนประกันเกิน 50 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเงินเข้าบัญชีบริษัทดังกล่าวแล้ว
ผู้ต้องหานี้จะถอนเงินสดผ่านบัญชีบริษัทดังกล่าว จากนั้นได้นำเงินไปใช้
โดยไม่ได้มีการทำประกันจริงแต่อย่างใด
จนกระทั่งผู้เสียหายได้มีการร่วมตัวเพื่อขอความช่วยเหลือไปยัง
หน่วยงานต่างๆ และ สื่อหลายสำนัก จนกระทั่ง บก.สส.บช.น.ได้สืบสวน
ติดตามผู้ต้องหานี้รายนี้ได้ เพื่อนำส่ง พงส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น