เมื่อ 17 ส.ค.60 เวลา 16:00
น. ณ ห้องประชุม 1 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายประยูร รัตนเสนีย์
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน
เป็นประธานร่วมในการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานตามข้อราชการเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมี ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารกระทรวงการคลัง
เข้าร่วมการประชุม และมีการถ่ายทอดสัญญาณการประชุมผ่านระบบVDO Conference ไปยัง 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมี
ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าสำนักงานจังหวัด
ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด คลังจังหวัด สรรพากรพื้นที่ อัยการจังหวัด
อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้แทนฝ่ายทหาร ผู้แทนธนาคารออมสิน
และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการประชุมเพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงาน
ในโอกาสนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
ในฐานะทรงดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดระยอง
ทรงเข้าร่วมการประชุมผ่านระบบ Video Conference ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้มีข้อหารือกับกระทรวงมหาดไทย
ใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1)
การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยขอให้ทุกจังหวัดกำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระงานสำคัญของจังหวัด
และขอให้จังหวัดที่มีความพร้อมประกาศตัวเป็นจังหวัดจัดการหนี้นอกระบบเป็นศูนย์
รวมทั้งประชาสัมพันธ์กลไกการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน
ซึ่งจังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดนำร่องในการจัดการหนี้นอกระบบเป็นศูนย์ตามนโยบายรัฐบาล
ซึ่งได้ยกร่างโครงการ “นครนายกโมเดล” เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบซึ่งดำเนินการระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน
2560 รวมทั้งได้กำหนดให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้มีรายได้น้อยอีกด้วย
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจะทำหน้าที่ประสานส่งต่อประชาชนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบไปยังจุดให้คำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบ
ณ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขา
เพื่อให้คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด
และคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
รวมทั้งขอความร่วมมือให้จังหวัดประชาสัมพันธ์โครงการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้เป็นที่รู้จัก
เพื่อให้เจ้าหนี้นอกระบบและผู้ที่สนใจเข้ามาขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพื่อให้เจ้าหนี้เข้าสู่ระบบตามกฎหมายต่อไป
2)
การเตือนภัยเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องปรามธุรกิจการเงินนอกระบบในส่วนภูมิภาคระดับจังหวัดให้ความสำคัญในการป้องปรามธุรกิจแชร์ลูกโซ่
เพื่อลดปัญหาด้านความเสียหายที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่และเกิดกับระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ทั้งด้านการเฝ้าระวัง และสอดส่องดูแลในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ
ไม่ให้เกิดการจัดเวทีเพื่อหลอกลวงให้มีการฉ้อโกงประชาชน
3)
โครงการ National e-Payment โดยขอให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์โครงการติดตั้งอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
(EDC) แก่หน่วยงานภาครัฐและร้านค้าภายในจังหวัด
เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐและร้านค้าเร่งติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
รวมทั้งพิจารณาคัดเลือกพื้นที่นำร่อง เช่น ตลาดนัด และถนนคนเดินในจังหวัด
ในการส่งเสริมให้ร้านค้าติดตั้งเครื่อง EDC เพื่อผลักดันให้เป็นแหล่งการค้าที่สนับสนุนการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้บัตรเดบิตแทนการใช้เงินสด
ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
4)
การส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด
บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีของจังหวัด และสถาบันการศึกษาในจังหวัด เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ
Startup Club ซึ่งเป็นกิจกรรมนอกหลักสูตรของนักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา
77 แห่งทั่วประเทศ (1 จังหวัด 1
โรงเรียน) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งเน้นการประชาสัมพันธ์นโยบายการส่งเสริม Start Up ของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบ
ในโอกาสนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
ได้ประทานแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและแชร์ลูกโซ่
โดยทรงเน้นย้ำในเรื่องการส่งเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนในเรื่องของการวางแผนการเงินของตนเองในระดับพื้นฐาน
อย่างเช่น ในการเริ่มธุรกิจ เริ่มประกอบอาชีพ จะต้องหาแหล่งเงินอย่างไร
และจะต้องมีการประเมิน ประมาณการอย่างไร ถ้าประชาชนมีความรู้ตรงนี้แล้ว
การประกอบอาชีพก็อาจจะขาดทุนน้อยลง
และการส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันจะช่วยลดปัญหาได้
ทั้งนี้ จากการประชุมในครั้งนี้ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า การประชุมหารือในครั้งนี้
จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ
และร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความมั่งคั่งและยั่งยืน
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล
เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ คลี่คลายทุกข์ของพี่น้องประชาชน และเสริมสร้างเศรษฐกิจ
ความอยู่ดี กินดีให้กับประชาชนในพื้นที่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น