3 ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร (จากซ้าย) ศรัญย์ ชัยปาณี สุวิชชา เนติวิวัฒน์ และพญ.พลอยลดา
พ.ญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย สมาชิก American Board of Anti-Aging / Regenerative Medicine (ABAARM) กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันในวงการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยยอมรับกันว่าการทานอาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีสุขภาพที่ดีเพราะในปัจจุบันคุณค่าทางอาหารในผักผลไม้ที่เราทานลดลงจากกระบวนการในการปรุงอาหารจนเหลือน้อยมาก และการทานอาหารให้ครบห้าหมู่ทานผักผลไม้ครบทุกสีในแต่ละวันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนยุคนี้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย พอเหนื่อยก็ไปหาของอร่อยทาน (งานสำรวจของสำนักโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขก็พบว่ามีคนไทยเพียงร้อยละ 26 ที่ทานอาหารครบห้าหมู่และทานผักผลไม้เพียงพอ)
ถึงแม้จะทานครบก็อาจจะขาดวิตามินบางตัวที่มีน้อยมากในอาหารต้องได้รับจากแสงแดด เช่น วิตามิน D ซึ่งจากที่เราได้ตรวจเลือดผู้ใช้บริการมาเจ็ดเดือน เราพบว่าร้อยละ 98 ขาดวิตามินแร่ธาตุหรือมีวิตามินแร่ธาตุเกินอยู่ในระดับอันตราย ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง ที่น่าสนใจคือพบว่าร้อยละ 95 ขาดวิตามิน D หรือมีวิตามินดีไม่เพียงพอ (< 30 ug/L) เนื่องจากคนยุคนี้ชอบหลบแดดและทาครีมกันแดด ซึ่งการขาดวิตามิน D เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเป็นโรคกระดูกพรุน โรคซึมเศร้า โรคมะเร็งบางชนิดกันมากขึ้น
ไวตาบูสท์มีทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและนักกำหนดอาหารที่เชี่ยวชาญในการใช้วิตามินช่วยดูแลสุขภาพ โดยเราให้บริการปรุงวิตามินสูตรเฉพาะบุคคล (Personalized vitamin) ซึ่งปรุงจากวัตถุดิบอาหารเสริมนำเข้าพรีเมี่ยมกว่า 100 ชนิด ซึ่งแต่ละคนจะได้รับชนิดและปริมาณ (dosage) วิตามินแตกต่างกันตามอายุ เพศ น้ำหนัก, เป้าหมายด้านสุขภาพ, ระดับวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด, ไลฟ์สไตล์, ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ ความเครียด เพื่อให้เหมาะกับร่างกายคน ๆ นั้นมากที่สุด
ความจริงแล้ววิตามินปรุงเฉพาะบุคคลไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย มีการให้บริการนี้ในโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วและได้ผลลัพธ์ดีมากต่อผู้ใช้บริการ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องราคาที่สูงมาก ค่าวิตามินเดือนละหลัก 15,000 – 30,000 บาทต่อเดือนจึงทำให้ผู้ใช้บริการจำกัดอยู่ในระดับกลุ่ม A และ B+ และยังไม่ได้เป็นที่แพร่หลาย แต่ไวตาบูสท์ไม่ได้ต้องการที่จะไปแย่งลูกค้ากลุ่มนั้นจากโรงพยาบาล เป้าหมายของเราคือต้องการที่จะจับตลาดกลุ่มผู้ที่ซื้อวิตามินและอาหารเสริมรับประทานเองอยู่แล้วให้มีทางเลือกที่ปลอดภัยขึ้น ได้ทานวิตามินที่มีคุณภาพดีที่สุดในราคาที่จับต้องได้ เป้าหมายสูงสุดของเราคือดูแลผู้ใช้บริการทุกคนไปตลอดชีวิตให้มีสุขภาพดีขึ้นเหมือนคนในครอบครัวของเราเอง โดยโปรแกรมเสริมสุขภาพของไวตาบูสท์มีให้เลือก ตามเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน และ โปรแกรมเสริม (Add-on program) ”
ไวตาบูสท์มีรูปแบบธุรกิจสองรูปแบบ ลูกค้ารายบุคคล เป็นระบบสมาชิก (subscription) สามารถสมัครรับบริการได้ตั้งแต่ 1/3/6/12 เดือน หรือจะขอใช้บริการครั้งเดียวก็ได้ โดยค่าบริการผลิตวิตามินและจัดส่งถึงบ้านจะอยู่ที่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือน และมีค่าตรวจเลือดจะอยู่ที่ 4,000 - 10,000 บาทต่อครั้งซึ่งปีหนึ่งควรตรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้งและหลังจากทานวิตามินไป 3-6 เดือนก็ควรเจาะเลือดในรายการที่มีปัญหาเพื่อติดตามผลตลาดลูกค้าองค์กร ไวตาบูสท์ยังมีโปรแกรมดูแลสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานในองค์กรต่าง ๆ โดยในปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และ start-up ชื่อดังหลายเจ้าให้เราเข้าไปช่วยแก้ pain point ด้านสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งถ้าสุขภาพของคนในองค์กรดีบริษัทก็จะมี Productivity มากขึ้นลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้มหาศาล ซึ่งหลังจากได้ลองทำตลาดแล้วก็ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และไวตาบูสท์ยังมีบริการรับจ้างผลิต (OEM) วิตามินเฉพาะบุคคลให้แก่คลินิกและโรงพยาบาลอื่น ๆ
นายศรัณย์ ชัยปาณี ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จุดเด่นของไวตาบูสท์ เราเน้นหลัก 4 ประการคือ ง่าย-ปลอดภัย-สะดวก-ประหยัด
1. ง่าย – เราทำให้การทานวิตามินแบบได้ผลและปลอดภัยเป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องปวดหัวว่าจะเลือกทานอะไร ปริมาณเท่าไหร่ นานเท่าไหร่ และผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดวิตามินและอาหารเสริมลงกล่องยาในแต่ละวัน
2. ปลอดภัย – เราออกแบบโปรแกรมระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ชื่อว่า Vitalyzer มาช่วยแพทย์ในการคำนวณปริมาณ ชนิดของอาหารเสริมที่เหมาะสมของแต่ละคน และยังมีระบบช่วยจดจำและหยุดการทานต่อเนื่องโดยอัตโนมัติของวิตามินบางตัวที่อาจสะสมในร่างกาย
3. สะดวก – เรามีบริการส่งพยาบาลวิชาชีพไปเก็บตัวอย่างเลือดถึงบ้านเพื่อประหยัดเวลาการเดินทาง เข้าคิวรอ และเรายังมีบริการส่งวิตามินรายเดือนไปถึงบ้านโดยขนส่งเอกชน
4. ประหยัด – บริการของเรามีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการไปซื้ออาหารเสริมชนิดเดียวกันและเกรดระดับเดียวกันทานเอง โดยค่าวิตามินเริ่มตั้งแต่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือนแล้วแต่โปรแกรมและแพคเกจ และบริการของเรายังมีราคาถูกกว่าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยอื่นอยู่มากพอสมควร
นายศรัณย์ ชัยปาณี ได้เสริมว่าเกี่ยวกับแนวทางการทำการตลาดว่า กลยุทธ์การตลาดในช่วงแรกจะเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมสูตรเฉพาะบุคคลซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับตลาดซึ่งต้องอาศัยการอธิบายผ่านการทำคอนเทนท์ โดยการทำการตลาดจะเป็นการทำประชาสัมพันธ์แบบ IMC (integrated marketing communication) จะแบ่งเป็น online และ offline โดยด้านออนไลน์จะเน้นโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram, Line@ เพราะเข้าถึงตรงสู่มือถือผู้บริโภค และทำออฟไลน์ควบคู่กันไปโดยการออกบูธตามที่ต่าง ๆ และออกอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับด้านความงาม และสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ เรากำลังทำตลาดกลุ่ม expats ที่อยู่ในประเทศไทยโดยการนำเสนอลูกค้ากลุ่มองค์กร และเริ่มทำ health and wellness tourism โดยสร้างศูนย์ Wellness Center ที่เอกมัยและทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัททัวร์ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า
นายสุวิชชา เนติวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “ไวตาบูสท์ยังมีบริการแอพพลิเคชั่น Vitaboost ซึ่งทำหน้าที่สมุดพกสุขภาพเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆไว้ในมือถือ และสามารถสมัครขอรับบริการวิตามินปรุงเฉพาะบุคคลได้โดยตรงจากในแอพพลิเคชั่นผ่านบัตรเครดิตอีกด้วย
เราให้อยากให้คนที่ไปตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลหรือกับไวตาบูสท์มีสมุดพกที่จะเก็บประวัติสุขภาพไว้ตลอดชีวิตในแอพพลิเคชั่นเดียว ถ่ายรูป ผลเลือดแล้วส่งมาให้เราเลยในแอพ เราจ้างทีมมากรอกข้อมูลให้ ระบบ แปลผลเลือดให้คือเราไม่ได้เพียงแต่บอกว่าค่าตัวไหน สูง หรือ ต่ำ และแสดงผลเป็นสีจราจร แดง ส้ม เหลือง เขียว และมีคำแนะนำจากแพทย์และตำราแพทย์ให้โดยละเอียดว่าคุณต้องปฏิบัติตัวอย่างไรต่อ และหากเริ่มมีปัญหาสุขภาพ เช่น ไขมันสูง น้ำตาลสูง ขาดวิตามินก็มาสมัครใช้บริการของเราได้ตลอดเวลา เป็นบริการ online-to-offline เชิงป้องกันโรคอย่างแท้จริง อีกหน่อยแอพเราจะสามารถเป็น Personalised Health Coach ช่วยแนะนำการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะคนด้วย”
นายศรัณย์ ชัยปาณี เปิดเผยข้อมูลวิจัยจากศูนย์ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ปี 2015 พบว่า ตลาดอาหารเสริมและวิตามินในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และในปี 2016 พบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 6.6 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ไวตาบูสท์อยากจะเข้าไปในตลาดกลุ่มนี้ จึงเริ่มธุรกิจบริการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลแบบ Home Service และเป็นรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะไวตาบูสท์มีบริการส่งบุคคลากรทางการแพทย์ไปเจาะเลือดถึงบ้านและส่งวิตามินสูตรเฉพาะบุคคลถึงบ้าน อำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับผู้ใช้บริการ เนื่องจากเข้าถึงง่ายและราคาไม่แพงจึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมากหลังจากเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อ มิ.ย. 2017
นอกจากนั้น ไวตาบูสท์ได้เริ่มศึกษาบุกตลาดพม่าโดยได้เริ่มจ้างแพทย์ชาวพม่าตั้งแต่เดือน ก.ค. 2560 เพื่อดำเนินการจัดตั้งและขออนุญาตต่าง ๆ เพื่อเอาโมเดลของเราไปทดลองในตลาดพม่า ซึ่งระบบ Vitalyzer ของเรานั้นสามารถช่วยคำนวณวิตามินได้สำหรับคนทุกชาติ ทุกศาสนาเพราะเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นศาสตร์สากล และเรามีแผนที่จะบุกตลาด CLMV ด้วย
สำหรับเป้าหมาย รายได้ในปี 2017 ตั้งเป้า ที่ 10 ล้านบาท และ ปี 2018 ตั้งเป้าที่ 25 ล้านบาท ส่วนผู้ใช้บริการ ตั้งเป้า 500 คนในปี 2017 (ปัจจุบันหลังเริ่มให้บริการมค-กค 2017มีผู้ใช้บริการ 230 คน) ฐานลูกค้าปัจจุบัน มาจากคนที่รู้จักไวตาบูสท์จาก social media, การออกบูธ , Words of mouth จากผู้ใช้ไวตาบูสท์ที่ใช้ดีแล้วบอกต่อ มีอายุตั้งแต่ 20-75 และโดยตั้งเป้าว่าไวตาบูสท์จะมีส่วนแบ่งตลาด 1% ของตลาดอาหารเสริมและวิตามินภายใน 5-7 ปี
*********************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น