เมื่อ 2 มิ.ย.60 เวลา 09:30 น.
ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร พลเอกอนุพงษ์
เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยตามนโยบายรัฐบาล โดยมี นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี
ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด
และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังรวมจำนวน 300 คน
โดยในวาระแรก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้กล่าวถึง การบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ซึ่งเป็นกลไกการบริหารประเทศของรัฐบาลว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายโดยใช้กลไกการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง หรือ ป.ย.ป.
โดยให้มีการบูรณาการแผนพัฒนาในระดับพื้นที่ (Area Based) เพื่อเชื่อมโยงแผนพัฒนาในระดับต่าง
ๆ ตั้งแต่แผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัด แผนพัฒนาอำเภอ แผนพัฒนาตำบล
และแผนพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน
กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขับเคลื่อนงานในฐานะผู้บัญชาการพื้นที่แทนรัฐบาล
จะต้องทำงานเชิงรุกทั้งงานภารกิจตามนโยบาย (Agenda) ตามอำนาจหน้าที่
(Function) และการบูรณาการในพื้นที่ (Area) โดยขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน/ประชาสังคม ทั้งนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเป็นด่านหน้าในการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาในพื้นที่
โดยจะต้องพัฒนาคนและพัฒนางานโดยใช้เทคโนโลยีส่งเสริมความเข้มแข็งในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด
เพื่อนำพาประเทศชาติก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
ในด้านการติดตามและประเมินผลในระดับจังหวัด
เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดระบบการบริหารราชการในจังหวัดโดยกระตุ้นและบูรณาการหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดให้ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของสำนักงาน
ก.พ.ร.
และอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกท้องที่และท้องถิ่น คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
และผู้บริหาร อปท. เป็นผู้ขับเคลื่อนงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับในช่วงบ่าย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย
ดังนี้
การปกป้องและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทั่วประเทศเดินทางเข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทำให้ประชาชนได้ร่วมน้อมถวายความจงรักภักดี ซึ่งการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ในเรื่องการเตรียมการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชนในส่วนภูมิภาค
จำนวน 878 แห่ง
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลการดำเนินการด้วยตนเองเพื่อให้เป็นไปตามราชประเพณีและสมพระเกียรติ
โดยยึดกรอบการทำงานตามแนวทางที่คณะกรรมการส่วนกลางกำหนด
รวมทั้งขอให้จังหวัดเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้ามีส่วนร่วมถวายความจงรักภักดีและถวายความอาลัย
โดยร่วมจัดทำดอกไม้จันทน์ และร่วมปลูกดอกดาวเรือง หรือดอกไม้ที่มีสีเหลือง
ซึ่งเป็นดอกไม้สีประจำวันพระราชสมภพ เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีด้วย
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมพิธีในวันที่ 26
ตุลาคม 2560 ขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนเสมือนหนึ่งเป็นแขกของราชการซึ่งทางราชการเป็นเจ้าภาพ
ในการเตรียมจัดกิจกรรมในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28
กรกฎาคม 2560 ให้ทุกจังหวัดจัดพิธีการทางศาสนาพร้อมกันทั่วประเทศ
และจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ซึ่งเกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง
ร่วมใจจากประชาชนทุกภาคส่วน
รวมทั้งขอให้ดูแลติดตามสถานภาพของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำโดยใช้ศาสตร์พระราชาในพื้นที่
10 จังหวัด (นครราชสีมา ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร
แพร่ ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา พัทลุง)
และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริโดยตรงของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งอยู่ในพื้นที่ 10 จังหวัด (ราชบุรี มุกดาหาร นราธิวาส
ศรีสะเกษ ปัตตานี เชียงราย เชียงใหม่ ยะลา บุรีรัมย์ อุดรธานี)
นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกรอบแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน
(Way of Life) โดยให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด
(Mind Set) ด้วยการกล่อมเกลาคนให้เป็นคนดีตั้งแต่ระดับครอบครัว
โรงเรียน และชุมชน
ให้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติทั้งการดำรงชีวิตและการปฏิบัติงาน
และใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยบูรณาการขับเคลื่อนให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ให้ดำเนินการสอดคล้องกัน
และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ติดตามผลการเรียน สภาพครอบครัว
และคุณภาพชีวิตของผู้ได้รับทุนการศึกษาภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร และทุนการศึกษาพระราชทานโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย 10 จังหวัดภาคใต้
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญกับนโยบายและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย
ประกอบด้วย 1) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยการเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ
2) การรักษาความสงบเรียบร้อย
ให้ใช้กลไกคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อย
และบูรณาการทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังและป้องกันการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
รวมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุให้มีความพร้อมในการดำเนินการและสั่งการ 3) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นการลด Demand side และ Supply side และอาศัยกลไกประชารัฐระดับพื้นที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
4) การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์
และการทำประมงผิดกฎหมาย
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเอาใจใส่โดยถือเป็นวาระสำคัญที่จังหวัดจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
5) การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเอาใจใส่เร่งรัดตรวจสอบความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนด้วยความรวดเร็ว
6) ในเรื่องของการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้นโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) 7) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายประชารัฐ
เน้นย้ำการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน OTOP ให้ได้มาตรฐาน
8) การสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
(EEC) 9) การบริหารจัดการขยะมูลฝอย
ขอให้กำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการอย่างเป็นระบบ 10) การบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืช ขอให้เร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การเก็บเล็ก
และการจัดตั้งชุมชนคนริมน้ำในพื้นที่ต่างๆ 11) การจัดทำผังเมืองรวมจังหวัด
ซึ่งขณะนี้มีผังนโยบาย ผังเมืองรวม ผังปฏิบัติ
และมีกลไกที่จะทำให้การปรับปรุงผังเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ 12) การเตรียมความพร้อมในการจัดการสาธารณภัยในพื้นที่
ต้องมีความพร้อมด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 13) การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุุทางถนน
ขอให้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทอย่างเข้มงวด
14) การดำเนินโครงการส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
(Local Economy) ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส
โดยขอให้เร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย เน้นความโปร่งใส คุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน 15) การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
(ถนนในหมู่บ้าน/ท้องถิ่น) ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้สามารถใช้การได้อย่างรวดเร็ว
สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้กล่าวถึงการใช้กลไกศูนย์ดำรงธรรมในการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนใน 4
ประเด็นคำถามตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีมีเจตนารมณ์ที่จะให้ประเทศไทยของเรามีการเลือกตั้งที่มีคุณธรรมและมีนักการเมืองที่เป็นคนดีมีจริยธรรมเข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง
ในการประชุมครั้งนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอแผนพัฒนาการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวทั่วประเทศทุกมิติ
สะท้อนอัตลักษณ์ของท้องถิ่น
และขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวดังกล่าว
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เติบโต และยั่งยืน กระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น