เมื่อ 16 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา นักโทษชายในแดน 4 ประมาณ 50 คน ของเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร รวมตัวประท้วงขว้างปาสิ่งของ
ใช้ถังแก๊สทำลายกล้องวงจรปิด และพยายามที่จะลุกฮือกันมาที่ประตูทางเข้าออก
เนื่องจากไม่พอใจที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเวลาประมาณ 02.00 น. ได้มีนักโทษชาย ชื่อ สมชาย พีรานุวัฒน์ อายุ25 ปี ผู้ต้องขังในคดีพยายามฆ่าและค้ายาเสพติดเสียชีวิตลง
โดยที่ทางผู้คุมไม่ไปนำศพออกมาส่งรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการประท้วงไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ทางผู้คุมสามารถเข้าควบคุมไว้ได้ จนกระทั่งต่อมาในช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น. นักโทษชายได้รวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง
คราวนี้สถานการณ์ได้ตรึงเครียดกว่าครั้งแรก
เพราะได้มีการขว้างปาสิ่งของและทำลายทรัพย์สินทางราชการ
นอกจากนี้จากแหล่งข่าวภายในยังบอกอีกว่ามีนักโทษคนหนึ่งพยายามที่จะปีนรั้วหนี
แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนยิงขู่ 3 – 4 นัด
ทำให้นักโทษรายนั้นกลับลงมารวมตัวประท้วงกับกลุ่มเพื่อนนักโทษด้วยกัน
ซึ่งต่อมาประมาณ 30 นาทีหลังเกิดเหตุ
ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือผู้คุมที่นักโทษชายให้ความไว้วางใจเข้าไปเจรจาเพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นใช้เวลาประมาณ 15 นาที กลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุเริ่มรับฟังและยอมหยุดการประท้วง
แต่ยังไม่ยอมขึ้นเรือนนอนเพราะเกรงว่าหากขึ้นไปแล้วจะถูกจับแยกขัง
ทั้งนี้เพื่อให้สถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายลงแล้ว
กลับสู่ภาวะปกติทางผู้คุมจึงได้ปล่อยให้นักโทษทั้งหมดทำกิจกรรมต่างๆ
ภายในสนามต่อไป เช่น เล่นกีฬา ทำความสะอาด และกินอาหารกันตามปกติ
โดยไม่มีการบังคับให้ขึ้นเรือนนอนแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เนื่องจากเกรงว่าหากบังคับให้กลับขึ้นเรือนนอนในขณะนี้ ก็จะทำให้นักโทษที่รวมตัวประท้วงกลับมาใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่กลุ่มนักโทษรวมตัวประท้วงก็คือ
ต้องการให้มีคำสั่งย้ายนายวิโรจน์ ชุ่มชื่นจิต ทัณฑปฏิบัติ
เนื่องจากเป็นผู้คุมที่มีความเข้มงวดมากโดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าตรวจค้นเพื่อหาสิ่งต้องห้ามในเรือนนอน ด้านนายโสภณ ยิ้มปรีชา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร
ได้เปิดเผยในเบื้องต้นว่า การประท้วงในครั้งนี้ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง
เพราะไม่มีการจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีการแหกคุก
ส่วนสาเหตุก็มาจากเมื่อเวลาประมาณ 02.10 น. ของวันที่ 16มีนาคม 2556 ทางผู้คุมเรือนจำได้รับแจ้งว่า
มีต้องขังป่วยและถึงแก่ความตายชื่อนายสมชาย พีรานุวัฒน์ อายุ 25 ปี ซึ่งต้องโทษ 4 คดี ได้แก่ คดีที่ 1 ฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ,ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน
มีโทษ 7 ปี 15 เดือน,คดีที่ 2 ละเมิดอำนาจศาล
ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา มีโทษ 4 เดือนแต่พ้นกำหนดโทษแล้ว,คดีที่ 3 คดีความผิดต่อชีวิต และ
พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งให้ปล่อยตัว และคดีที่ 4 ความผิดต่อชีวิต และพ.ร.บ.อาวุธปืน
ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้มีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง โดยให้ขังไว้ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งเมื่อนักโทษชายรายนี้เสียชีวิตลง
ก็ทำให้นักโทษชายที่อยู่ในเรือนนอนเดียวกันไม่พอใจโดยกล่าวหาว่าผู้คุมนั้นไม่ได้ดูแลเพื่อนนักโทษชายที่เสียชีวิตโดยไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล
ซึ่งก่อนหน้านี้นักโทษรายดังกล่าวก็มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี
เพราะเคยได้ให้แพทย์ตรวจสุขภาพก็ปกติไม่เป็นอะไร
โดยเบื้องต้นก็คาดว่าน่าจะมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ซึ่งก็จะได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าชันสูตรพลิกศพก่อน
จึงจะนำศพออกมาจากเรือนนอนได้ ส่วนที่ผู้คุมไม่สามารถเข้าไปนำนักโทษชายที่เสียชีวิตออกมาตั้งแต่แรกได้นั้น
ก็เพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวยังถือเป็นยามวิกาลซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้คุมหากจะเข้าไปในเรือนนอนของนักโทษ
และกำลังผู้คุมที่เข้าเวร ก็ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ จึงได้แจ้งให้ผู้ต้องขังที่อยู่เรือนนอนเดียวกันห้ามเคลื่อนย้ายหรือแตะต้องศพอย่างเด็ดขาด
กระทั่งต่อมามีนักโทษชายชื่อ กิตติศักดิ์ หรือโจ ยอดวงศ์ กับพวก 50 คน ไม่พอใจจึงได้รวมตัวกันประท้วงขว้างปาสิ่งของและพังประตู 4 บริเวณป้อม 1 เพื่อเข้ามาในที่ทำการควบคุมและทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนหนึ่ง
กระทั่งในที่สุดได้มีการส่งผู้คุมเข้าไปเจรจาและก็สามารถทำให้นักโทษทั้งหมดสงบลงจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด ส่วนทางด้านบริเวณภายนอกเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครนั้น
พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ก็ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 400 นาย
มาควบคุมสถานการณ์ภายนอกเรือนจำ
หากมีเหตุจำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วย
ก็จะสามารถเข้าปฏิบัติการตามคำสั่งได้ทันที ทั้งนี้ต่อมานายจุลภัทร
แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
ก็ได้เดินทางมารับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร
และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น