เมื่อ 21 มี.ค.56 ที่ผ่านมา สำนักงาน ผบช.ภ.7 อ.เมือง จ.นครปฐม
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี
พร้อมเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯได้พา 4เยาวชนชายประกอบด้วยเด็กชายแม้ว(นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นายฟลอย (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นายอาร์ม (นามสมมุติ)
อายุ 15 ปี และ นายโก้
(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี พร้อมผู้ปกครอง
มีนางประพร ทองสมเพียร อายุ 46 ปี
มารดาของเด็กชายแม้วอยู่บ้านเลขที่ 87/12 ม.3 ต.ศีรษะทอง อ.นครชัยศรี
จ.นครปฐม นางนิกูล ฤทธิ์คำรพ อายุ 48 ปี มารดานายฟลอย
อยู่บ้านเลขที่ 43/1 ม.4ต.ศีรษะทองอ.นครชัยศรี
จ.นครปฐม นางชุติกาญจน์ ลิลาศ อายุ 36 ปี มารดานายอาร์ม
อยู่บ้านเลขที่ 87/1 ม.3 ต.ศีรษะทอง อ.นครชัยศรี
จ.นครปฐม และ น.ส.พัสรากร แก้วสุวรรณ อายุ 41 ปี มารดานายโก้ และนายหม่ำ อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.2 ต.สามควายเผือก
อ.เมือง จ.นครปฐม เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ. 7 ว่าถูกตำรวจ สภ.นครชัยศรี ภ.จว.นครปฐม จับกุมและซ้อมให้รับสารภาพว่า
เป็นคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา โดยมี
พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุพันธุ์ จันทร์พฤกษ์ รอง
ผบก.ภ.จว.นครปฐม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ฝ่ายอำนวยการ7 ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมรับเรื่อง
นางปวีณา หงสกุล
ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่าเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีผู้ปกครองของเยาวชนชายจำนวน 4 รายเดินทางจาก จ.นครปฐม
เข้าไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เลขที่ 84/14 หมู่ 2 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อขอให้นางปวีณา
หงสกุลประธานมูลนิธิฯ
ช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรมเนื่องจากลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม ทำร้ายร่างกาย
และให้เขียนบันทึกคำรับสารภาพเป็นผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์
หลังตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียนแล้วเห็นว่ามีเยาวชนตกเป็นผู้ต้องหา
จึงได้ประสานมาทาง พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พาเยาวชน 4 รายพร้อมผู้ปกครองมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมโดยผู้ปกครองและเยาวชนทั้งหมดได้แจ้งว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี
จ.นครปฐม ทำร้ายร่างกายเพื่อให้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์
ทั้งที่ผู้ถูกจับทั้ง 5 รายปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลักทรัพย์
แต่ได้ถูกตำรวจซ้อมและบังคับให้รับสารภาพโดยบังคับให้เขียนถ้อยคำตามที่บอก ทุกคนจึงต้องทำตามมิฉะนั้นจะถูกทำร้ายร่างกายอีก
น.ส.พัสรากร แก้วสุวรรณ
มารดาของผู้ถูกกล่าวหา 2 คน โดยเป็นเยาวชน 1 คน และอีกคนอายุ 19 ปี บอกว่า
เมื่อเวลาประมาณของวันที่ 12 กพ.ที่ผ่านมา.ลูกชายของตน 2 คนรวมทั้งเพื่อนๆรวม 5 คนซึ่งเป็นญาติๆกันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปในบ้านพักของแต่ละคนโดยไม่มีหมายจับและหมายค้น
แล้วเข้าไปนำตัวเยาวชนทั้งหมดไปที่ห้องสืบสวน สภ.นครชัยศรี โดยกล่าวหาว่าทั้ง 5 คนร่วมกันลักทรัพย์
เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฎิเสธจึงถูกซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ
นางสาวพัสรากร แก้วสุวรรณ
บอกต่ออีกว่า ที่ผ่านมายอมรับ ว่านายหม่ำลูกชายคนโตที่อายุ19 ปีเคยต้องคดีลักทรัพย์เมื่อตอนอายุ 17 ปี แต่นายโก้ไม่เคยมีประวัติ
และครั้งนี้ทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนร้ายมีพยานยืนยันได้ว่า วันเกิดเหตุลูกๆอยู่ที่ไหน
แต่เมื่อทุกคนถูกซ้อมจนต้องยอมรับและทั้งหมดถูกให้เขียนคำรับสารภาพด้วยลายมือตัวเอง
จากนั้นก็ถูกนำตัวเข้าห้องขังบน สภ.นครชัยศรีโดยขังรวมกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ใหญ่
ต่อมาในวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวส่งศาลเพื่อผลัดฟ้องฝากขัง
โดยในจำนวนนั้นเป็นเยาวชน 4 รายถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ
ขณะที่ด้านนายหม่ำ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี
มีอาการบาดเจ็บจากที่ถูกซ้อมถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จ.นครปฐม
ต่อมาผู้ปกครองทั้งหมดได้ประกันตัวเยาวชน 4 รายออกจากสถานพินิจ ยกเว้นนายหม่ำ อายุ 19 ปี ไม่ได้ประกันเพราะผู้ปกครองมีฐานะยากจนจึงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ทั้งที่บาดเจ็บ
ด.ช.แม้ว อายุ 14 ปี เล่าว่า
หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจับกุมไปที่ห้องสืบสวนโรงพักนครชัยศรี
ก็ถูกบังคับให้รับสารภาพว่าไปก่อเหตุลักทรัพย์มา เมื่อตนปฏิเสธก็จะถูกตบ เตะ
ข่มขู่จะใช้ไฟช๊อต ส่วนนายฟลอย อายุ 15 ปี เพื่อนอีกคนก็ถูกตบ
เตะ ใช้กระบองที่พันด้วยกระดาษตีที่ หน้าอก-แผ่นหลัง และใช้ไฟช๊อต 2 ครั้ง, นายอาร์ม อายุ 15 ปี ถูกตบเข้าที่ศีรษะ, นายโก้ อายุ 16 ปี ถูกกระบองที่พันด้วยกระดาษตีตามลำตัว ส่วนนายหม่ำ อายุ 19 ปีรุ่นพี่นั้นถูกใส่กุญแจมือ เอาเท้าเหยียบหน้า ยันคอ ตบ เตะ จิกหัว
ใช้ไฟช๊อตบริเวณลำตัวและหน้าอกหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่นางปวีณา
เผยต่อว่า หลังรับเรื่องดังกล่าวได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้ช่วยเหลือดูแลด้านการรักษาพยาบาลนายหม่ำ
ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำได้แจ้งกับนางปวีณาว่า ได้ให้แพทย์ประจำเรือนดูและรักษาอยู่
และจากนี้จะจัดเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเข้าติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด และฝากให้ทาง
ผบช.ภ.7 ดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวของผู้ร้องด้วยเพราะเกรงจะถูกคุกคาม
ขณะที่ พล.ต.ท.หาญพล
นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 หลังรับเรื่องได้กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ซึ่งได้ให้ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ของภาค 7 เข้ามารับเรื่องนี้โดยตรงและให้ผู้บังคับการนครปฐมไปตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริง
ใครผิดต้องว่ากัน ใครถูกต้องให้ความเป็นธรรม.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น