หนุ่มใหญ่ขับแท็กซี่่พุ่งชนรถเพื่อนร่วมอาชีพ จุดไฟเผาตัวเองสาหัส..

วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองสมุทรสาครรับแจ้งเหตุรถยนต์แท็กซี่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสมุทรสาคร ถนนเศรษฐกิจ 1หมู่ที่ 8 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จึงรีบประสานมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณลานจอดรถแท็กซี่รับจ้าง ภายในลานจอดรถ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบรถแท็กซี่โตโยต้า สีเหลือง  หมายเลขทะเบียน  7 กก 1605  กรุงเทพ  เจ้าหน้าที่ได้นำถังเคมีและฉีดน้ำดับเพลิง โดยภายในรถพบร่างคนขับรถแท็กซี่เป็นผู้ชาย ทราบชื่อต่อมาคือ   นายสมชาย บรรลุดี อายุ 60 ปี เป็นอาสาสมัครทหารพรานที่อยู่ตามบัตรประชาชน 146/40 ม.6 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร     

จากการตรวจสอบพบรถแท๊กซี่ดังกล่าวติดตั้งระบบเชื้อเพลิงเป็น NGV ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ทราบจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นรถที่วิ่งคิวอยู่ในห้างบิ๊กซี มหาชัย ก่อนเกิดเหตุแท็กซี่คันดังกล่าวขับวนเวียนอยู่ในห้างประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นมีเสียงดังปังๆขึ้น 2-3 ครั้ง  และเกิดเหตุเพลิงไหม้จากห้องโดยสาร ซึ่งขณะที่มีคนกำลังเข้าไปช่วยดับไฟนั้น มีเสียงตะโกนด่าออกมาจากภายในรถคล้ายคนทะเลาะกัน ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ในสภาพถูกไฟคลอกทั้งตัว โดยมีผู้หญิงซึ่งทราบว่าเป็นภรรยาคนขับรถแท็กซี่ตะโกนกรี๊ด!ร้องด้วยความตกใจ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร

ทั้งนี้จากการสอบถามคนขับแท็กซี่ในคิวทราบว่า ผู้บาดเจ็บมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนร่วมอาชีพแท็กซี่ด้วยกัน สาเหตุการวิ่งรถแบบเหมารับผู้โดยสารภายในคิว และการใช้รถแท็กซี่ที่ไม่ถูกต้อง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 เวลาประมาณ 08.00 น.ผ่านมา ก่อนนัดเคลียร์ปัญหาคาใจกัน โดยก่อนเกิดเหตุภรรยาของผู้บาดเจ็บได้มาตามกับบ้าน เนื่องจากไม่ต้องการให้มีเรื่องทะเลาะกัน แต่ผู้บาดเจ็บได้ไล่ภรรยาลงจากรถแท็กซี่และได้ขับรถวนภายในลานจอดรถ และขับรถเข้าชนกับรถแท็กซี่คู่กรณีกันชนหน้าหลุดตัวรถได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ขึ้นในรถควันพวยพุ่งออกมา โดยเจ้าหน้าที่ของห้างได้นำถังน้ำยาดับเพลิงมาฉีดจนดับเมื่อตรวจภายในรถพบขวดพลาสติกบรรจุน้ำมันเบนซินวางอยู่ช่องคอนโซนระหว่างเบาะหน้าซ้าย ขวา 1 ขวด ไฟแซ๊คถูกเพลิงไหม้ละลายอยู่หน้ากระจังเหนือพวงมาลัย และผ้านวมละลายถูกเพลิงไหม้ที่เบาะนั่งคนขับ ภายในรถ สำหรับสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

Posted in: