pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

1คืน 2วัน กับ"ตลาดประชารัฐต้องชม 5 แห่ง ร่วมสัมผัสเสน่ห์ผลงานชิ้น"ปลื้ม"ของกรมการค้าภายใน..

มีโอกาสเดินทางร่วมกิจกรรมการนำสื่อท่องเที่ยวและเยี่ยมชมตลาดประชารัฐต้องชม ( Press Your) ตามโครงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวตลาดชุมชน ในเส้นทางภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา-นครราชสีมา-สระบุรี 2 วัน 1 คืน โดยการนำของท่านอธิบดีกรมการค้าภาย ในกระทรวงพาณิชย์ "วันชัย โภชนกิจ" พร้อมคณะ


"เยี่ยมชมโรงงานโอสถสภา พันธมิตรเครือข่ายธงฟ้า"


วันแรกแวะชมโรงงานของโอสถสภา ตั้งอยู่บนนสายเอเซีย ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งโรงงานของโอสถสภา บริษัทโอสถสภา จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นพันธมิตรเครือข่ายสินค้าธงฟ้าของกรมการค้าภายใน  ดูกรรมวิธีการผลิตขวดแก้วและกระบวนการจัดส่งสินค้า  ตื่นตาตื่นใจกับโรงงานหลอมแก้ว  กระบวนการรีไซเคิล การนำเอาพลังงานความร้อนที่ได้จากการหลอมขวดแก้วกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตเครื่องดื่ม สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติลงได้อีกทางหนึ่งด้วย เป็นขั้นตอนการผลิตที่เน้นถึงความสะอาด ปลอดภัย  จนถึงบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่  ชิมเครื่องดื่มสุดอร่อยของโอสถสภา  โดยมีคุณวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณนุกิจ ชลคุป  Chief
Manufacturing Officer และคณะผู้บริหารตลอดจนพนักงานให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมบรรยายความเป็นมาของโรงงานการผลิตทั้ง2โรงงานที่เราเข้าเยี่ยมชมพอสังเขป

บริษัทโอสถสภา เติบโตมาถึง 128 ปี  อยู่คู่คนไทยมายาวนาน กับชื่อเสียงด้านยา "ทัมใจ"และยามหัศจรรย์ กฤษณากลั่น ยาประจำบ้านที่อยู่คู่บ้านรุ่นคุณทวดที่คนไทยรู้จักกันดีมาจนปัจจุบัน ความแข็งแรงและอายุที่ยืนนานนี้ โอสถสภาให้ความใส่ใจกับการรักษาสภาพแวดล้อม  มาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยทั้งกับผู้บริโภคและพนักงาน  ยังเป็นโรงงานต้นแบบในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย


จุดที่ 2 เยือน..ตลาดประชารัฐต้องชม ตลาดน้ำหลวงปู่ทวด  
อธิบดีฯยกให้เป็นต้นแบบกับการเติบโต300%ในสองปี

ที่นี่เป็นตลาดประชารัฐเกรด A ที่ท่านอธิบดีกรมการค้าภายใน บอกว่าคือต้นแบบของตลาดประชารัฐต้องชม  เป็นโมเดลให้กับตลาดต้องชมที่อื่นๆได้เอาเป็นแบบอย่างของตลาดที่ถูกต้องตามองค์ประกอบ
ตลาดน้ำหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จัก และอยู่ริมถนนทำให้การเดินทางสะดวก ตำแหน่งที่ตั้งเป็นรอยต่อของ อ.บางปะหัน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.ป่าโมก อ.เมือง จ.อ่างทอง เป็นตลาดที่มีหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ พระเถระคู่แผ่นดินอยุธยา  บรรยากาศแบบย้อนยุค ร่มรื่น มีลมพัดเย็นตลอดเวลา มีร้านค้าของชาวบ้าน และอาหารให้ชิมมากมาย มีร้านค้าเด่น เช่น ร้านทองม้วน ร้านปลาร้าสับน้ำลายสอ ร้านก๋วยเตี๋ยวกะโหลกกะลา และร้านน้องแอร์ ผัดไทยลิเก

ท่านวิชัย  ให้สัมภาษณ์ว่า จากการดูแลของ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์  นายกอบต.บ้านใหม่ อ.มหาราชจ.พระนครศรีอยุธยา (ซึ่งให้การต้อนรับท่านอธิบดีและคณะฯครั้งนี้ด้วย) ทำให้ตลาดเติบโตจากสองปีก่อนซึ่งอธิบดีฯได้เดินทางมาเยี่ยมถึง 300 ราคาสินค้าที่นี่เป็นธรรม พ่อค้แม่ค้าหน้าตาดีรับแขก  สามารถบอกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของตลาดต้องชม ก็ว่าได้ เป็นคนในพื้นที่เกือบร้อยเปอร์เซ็น มีสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของคนในพื้นถิ่น  อาทิ ปลาส้ม ปลาแห้ง ขนม พื้นบ้าน น่าชื่นใจ รายได้ปีหนึ่งเกือบ 5-6 ล้านบาท

"ผมขอให้รักษาความดี ด้านอัธยาศัยไมตรี สร้างความประทับใจ แก่ผู้มาเยือนไว้ให้ดี จะทำให้เป็นการบอกต่อปากต่อปากทำให้ตลาดของเราติดอันดับที่ผู้คนอยากมา ทั้งคนขายหน้าตาดี แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ เราจะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อคนมาเที่ยวอยุธยาจะต้องมาหาเรา อีกทั้งเขาจะได้มากราบหลวงปู่ทวดด้วย" อธิบดีกรมการค้าภายใน บอกด้วยว่า จะเอาที่นี่เป็นต้นแบบเพื่อให้หลายๆแห่งเอาเป็นตัวอย่าง รูปแบบความสำเร็จที่ดีมากนี้"



 ตลาดศูนย์ผลไม้ 

ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา ใกล้เขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และจุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่ตั้งบนทางสายหลักของประเทศ ประตูสู่อีสาน แม้จะใช้ชื่อว่า "ตลาดศูนย์ผลไม้" แต่มีสินค้าหลายหลากในชุมชน  นอกจากผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล เช่น น้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่อง องุ่น อะโวคาโด มะม่วง เสาวรส ข้าวโพดหวานขึ้นชื่อ หน่อไม้ รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งของในและนอกจังหวัด เช่น ขนมกระหรี่ปั๊บคำเดียว โมจิ หรือเครื่องดื่มยอดฮิตอย่าง น้ำข้าวโพด น้ำองุ่นสด แล้วยังมีของกินของฝากมากมาย เช่น ปลาส้ม แหนมต่างๆ หมี่โคราชพร้อมเครื่องปรุง หม่ำ ไส้กรอก ฯลฯ


ท่านอธิบดีฯได้พบปะพูดคุยกับแม่ค้าและให้คำแนะนำการสร้างมูลค่าเพิ่มของตลาด การตกแต่งร้านและการสร้างจุดเด่นเพิ่มเติม  ซึ่งชาวบ้านได้ขอป้ายตลาดให้ใหญ่และมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นซึ่งท่านได้รับปากว่าจะขอให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและเจ้าของแผงออกเงินกันคนละครึ่งกับกรมฯเพราะอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม









เยี่ยมพันธมิตรเครือข่ายร้านธงฟ้าประชารัฐ 


ท่านอธิบดีและคณะร่วมด้วยสื่อมวลชน เยี่ยมชมผลการดำเนินงานของธงฟ้าประชารัฐ ร้านเขาใหญ่สโตนิวส์ เช่นกันอธิบดีฯได้พูดคุยและให้คำแนะนำเจ้าของร้าน เสนอแนะให้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์จากเกษตรในพื้นถิ่น มาเป็นสินค้าแถมหรือมาร่วมจัดโปรโมชั่นของร้านด้วย เพื่อช่วยเหลือและการกระจายรายได้ส่งเสริมและอุดหนุนเศรษฐกิจฐานรากเชื่อมโยงไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่ร่วมเป็นอาสาสมัครธงฟ้าของกรมการค้าภายในกว่า  6 หมื่นราย












วันที่ 2 สูดอากาศบริสุทธิ์ น้ำตกเหวสุวัต-เที่ยวฟาร์มโชคชัย  


เริ่มต้นของวันกับอาการสูดอากาศบริสุทธิ์ และชมความงามของสองข้างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อเดินทางไปชมความงามของน้ำตกเหวสุวัต  ผ่านเส้นทางขุนเขาพยับหมอก แม้จะเป็นหน้าแล้งแต่ความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็นำมาซึ่งความสดชื่น เรามุ่งหน้าสู่น้ำตกเหวสุวัต อยู่สุดถนนธนะรัชต์  มีลักษณะเป็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตรเศษ บริเวณด้านล่างของน้ำตกเป็นลำธารเหมาะที่จะลงเล่นน้ำ แต่สำหรับฤดูฝนน้ำจะมากและไหลแรงน้ำค่อนข้างเย็นจัด




ชมฟาร์มโชคชัย..หนึ่งฟาร์มใหญ่สุดในทวีปเอเชีย

จากนั้นคณะเราแวะชมฟาร์มโชคชัย  อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  ชมการพัฒนาสายพันธ์โค super Gene  ชมการสาธิตการรีดนมแม่โค (Super Cows) ชมกระบวนการผลิตนม (Super Milk ) และชิมผลิตภัณฑ์นมก่อนใคร

สำหรับฟาร์มโชคชัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ-ปากช่อง กิโลเมตรที่ 159-160 เป็นฟาร์มโคนม ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย เปิดกิจการการท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนได้รับรางวัล แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดีเด่น รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  เป็นฟาร์มโคนมมาตรฐานขนาดใหญ่ในสถานที่ประกอบการจริง  มีเจ้าหน้าที่นำชมและให้ผู้เข้าชมร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ยังเป็นฟาร์มแห่งการเรียนรู้ มากมาย อาทิ การรีดนมวัวด้วยตัวเอง การมีส่วนร่วมในการผลิต ไอศกรีมนมสด อื้ม !! มิลค์  การแสดงวิถีคาวบอย การชมลีลาของสุนัข ต้อนแกะ การป้อนนมลูกวัว
ด้วยตัวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย  โดยจัดการเข้าชมแบบหมู่คณะ โดยแบ่งเป็น รอบๆ ของการให้บริการ นอกจากนี้ที่ฟาร์มโชคชัยยังให้บริการที่พักด้วย








เยือนตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล  จังหวัดสระบุรี  ตลาดอัตลักษณ์ชาวไท-ยวน







 







เป็นตลาดริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งอยู่ในชุมชนต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เป็นชุมชนไทยวน(อ่านว่าไท-ยวน)ที่อพยพมาจากอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2347 ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านในชุมชนที่ใช้เวลาว่างหารายได้เสริมในวันอาทิตย์ในบรรยากาศเมืองเหนือทั้งการตกแต่งซุ้มขายของ การแต่งกายของพ่อค้าแม่ค้า สินค้าที่ขายล้วนแต่คงไว้ซึ่งจุดเด่นของล้านนา จุดเด่น อาหารพื้นเมืองที่หาทานยาก อาทิ หมี่ไทยวน ไข่ป่าม การแสดงฟ้อนรำประกอบ เสียงสะล้อ ซอ ซึง และบรรยากาศภายในล้านนาแบบเป็นกันเอง

สำหรับชุมชนบ้านต้นตาล เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มานานกว่า 200 ปี  มาตั้งรกรากใหม่เป็นชุมชนอยู่ในเขตภาคกลาง ทั้งราชบุรีและสระบุรี คนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า ไท-ยวน ทั้งยังยึดมั่นในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม อาทิ การพูดคำเมือง ใส่ผ้าซิ่น รวมถึงการสืบทอดอาหารโบราณ เช่น ผัดหมี่ ไท-ยวน หรือข้าวแคบ (ข้าวเกรียบ)  จึงมีชื่อว่าตลาดต้าน้ำบ้านต้นตาล เพราะคำว่า ต้าน้ำ มีความหมายว่า ท่าน้ำ 

ตลาดต้าน้ำบ้านต้นตาล ถูกจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายในมีทั้งการจำหน่ายอาหาร สินค้าต่างๆ เช่น ผ้าทอไทยวน รวมทั้งมีการแสดงฟ้อนล้านนาให้ได้ชมเป็นตลาดต้องชม เอกลักษณ์พาณิชย์ อัตลักษณ์ของชุมชน


กฤษณา พิทยาบุตร หรือผู้ก่อตั้ง  ให้สัมภาษณ์  ว่าก่อตั้งปีแรก เมื่อ พ.ศ.2551  ซึ่ง 4 ปีแรก รวมตัวกันออกเงินเอง มีแคร่เป็นแผงขายของ เมื่อตลาดเริ่มบูมเปลี่ยนจากการนั่งแคร่ขายของ มาสร้างเป็นอาคาร   มีเทศบาล เข้ามาช่วยดูแล แต่ที่ดูแลมากที่สุดคือ กระทรวงพาณิชย์ โดยพาณิชย์จังหวัด

สำหรับแม่ค้า จะเป็นชาวไทยวน  80 เปอร์เซ็น จะเป็นคนในพื้นที่ พูดภาษาไทยวน แต่งกาย ผ้าถุงที่เราทอเอง ตามอัตลักษณ์  ดำรงชีวิตตามวิถีไทยวนดั้งเดิม  เช่นเดียวกับอาหารที่ขาย เช่น ขนมเพ่อเร่อ่ ขนมกง ข้าวแคบ ฯ ซึ่งเป็นการขายอัตลักษณ์ ตลาดอื่นไม่มี  รายได้ตกวันละ 350,000- 6 แสน จากจำนวนรวมทั้งหมด 110 แผงค้า

"พวกเราพยายามช่วยเหลือตัวเอง นอกจากมีบางอย่างสุดวิสัย เราต้องพึ่งพา ภาครัฐ เช่น อาคารก็ได้ท่านพาณิชย์จังหวัด ดูแล ช่วยเปิดตลาด มีงานเมืองทอง เราก็ได้รับเลือกไปร่วมด้วย ซึ่งแผงของเราจะรับเฉพาะคนในพื้นถิ่น เพื่อสร้างอัตลักษณ์ และจะแบ่งปันให้กับคนไทยวนตำบลข้างเคียงสามารถนำสินค้ามาขายได้ "

ช้อปตลาดหัวปลี จังหวัดสระบุรี 


ตั้งอยู่ด้านในศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์ พุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี นอกจากเป็นที่ตั้งของตลาดแล้ว ยังเป็นจุดแวะซื้อของฝากของนักท่องเที่ยวได้เดินเลือกซื้อสินค้าในบรรยากาศสวนกล้วยอันร่มรื่น บวกกับสารพันสมุนไพรที่บอกว่ามีมากที่สุดในประเทศไทย ผักปลอดสารพิษ และสิ่งสำคัญเป็นตลาดที่งดใช้โฟมและถุงพลาสติก ใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมาใช้ใส่บรรจุอาหาร  ละลานตาด้วยของกินมากมายหลายชนิดเช่นกัน  ไม่่ว่าจะเป็นเมลอนตัดมาจากสวนสดๆ ขนมกะหรี่ปั๊บ อินทผาลัมจากไร่เกษตรสีทอง ของกินพื้นบ้าน ของฝากพื้นเมือง พร้อมสัมผัสธรรมชาติร่มรื่น จุดเช็คอินประทับใจ โซนดอกกล้วยไม้ จุดถ่ายภาพยอดฮิต ยอดฮิตหลายจุดสวยงาม




ภายในตลาดหลากหลายไปด้วยของกิน  ทั้งคาว หวาน ผลไม้ ผักปลอดสารพิษ สดจากสวน จากฟาร์ม มีซิกเนอเจอร์ ลาบหัวปลี   รวมไปถึงของฝากพื้นเมืองอีกมากมาย ด้วยสนนราคาที่ไม่แพง นักท่องเที่ยวต่างจับจ่ายซื้อหา ทำให้อดไม่ไหวที่จะต้องช้อปอุดหนุน ตลาดไร้โฟมดี เน้นแต่ความเป็นธรรมชาติแห่งนี้





ล่องเรือชมความงามของเกาะอยุธยา  


จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ส่วนใหญ่เป็นโบราณสถาน วัดและพระราชวังต่างๆ เมืองอยุธยาได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำลำคลองรอบตัวเมือง


คณะล่องเรือรับประทานอาหารเลื่องลือ กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ชมความงามของ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ช่วงสมัยอยุธยา




ปัจจุบันได้กลายเป็นที่เที่ยวอยุธยาที่ห้ามพลาด ไม่ว่าจะนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างชาติ หากได้มาเที่ยวอยุธยาจะต้องไปเที่ยวชมวัดแห่งนี้กันสักครั้ง เพราะเป็นวัดที่สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย ถ้าสนใจถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์ 0 3524 2284, 0 3524 2286


สุดท้าย..เยือนตลาดประชารัฐต้องชม ตลาดกรุงศรี  เลือดรักชาติล้นปรี่

ตลาดน้ำกรุงศรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำในบรรยากาศร่มรื่นริมน้ำและตลาดบก โดยจำลองค่ายสมเด็จพระนเรศวร และมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนเรศวรตอนประกาศอิสรภาพ ประดิษฐานบริเวณหน้าค่าย  เพื่อเป็นที่สักการะบูชา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัด มีการแสดงย้อนยุคประวัติศาสตร์ของจังหวัด อาทิ ฟันดาบ สาธิตการสู้รบสงครามไทย-พม่า กิจกรรมขี่ม้าชมตลาด พ่อค้าแม่ค้าแต่งกายชุดไทยย้อนยุคแบบโบราณ มีสินค้าชุมชนสินค้าเกษตร สินค้า OTOP  อาหารปรุงสำเร็จ  ของผู้ประกอบการมาจำหน่ายสินค้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ น้ำตาลสด  ไอศกรีมกะทิเนื้อทราย กะละแมกรุงศรี โรตีสายไหม ของฝากของที่ระลึกและอาหารปรุงสำเร็จให้ชิมมากมาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพระนครศรีอยุธยาใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์....ตรงนี้เลือดรักชาติรักในบรรพบุรุษฉีดพล่านล้นปรี่












แม้กระแสละครบุพเพสันนิวาส จะเบาลงแล้วก็ตาม แต่การท่องเที่ยวอยุธยา และตลาดกรุงศรี ก็ยังคงมีผลต่อเนื่อง นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์น่าสนใจแล้ว การเดินเที่ยวตลาดก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ ที่นำความสุขแก่นักท่องเที่ยว อันที่จริงคณะเราอยากจะเพลินกับการช้อปปิ้ง กิน ดื่ม ช้อป แต่งไทยย้อนยุคไปกับบรรดาพ่อค้าและแม่ค้าและผู้คนที่นี่ ไปจนกว่าจะถึงเวลาตลาดปิดคือ 4 ทุ่ม แต่วันนี้เวลาไม่พอ เอาไว้โอกาสหน้า เจอกัน...ตลาดประชารัฐต้องชม..ทั่วประเทศ..เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน..กับกรมการค้าภายใน..กันอีกน่ะค่ะ




กรมการค้าภายในดันเที่ยวตลาดประชารัฐ หนุนความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก



กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นำคณะสื่อมวลชน ร่วมสัมผัส มนต์เสน่ห์ตลาดประชารัฐต้องชม เยือนถิ่นภาคกลางเส้นทางพระนครศรีอยุธยา - นครราชสีมา - สระบุรี หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดประชารัฐต้องชม สร้างรายได้ให้ท้องถิ่น ภายใต้แนวคิด “ตลาดเที่ยวได้...สไตล์ไทยๆ” เมืองไทยมีดี  วีถีชุมชน


นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในเดินหน้าผลักดันการพัฒนาตลาดชุมชนอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ “ตลาดประชารัฐต้องชม” ภายใต้แนวคิด “เอกลักษณ์พาณิชย์ อัตลักษณ์ของชุมชน” ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 ปัจจุบันกรมส่งเสริมเป็นตลาดประชารัฐต้องชมแล้ว จำนวน 219 แห่ง  จำนวน 32,245 แผง  ทั่วประเทศ  โดยปี 2561 ตลาดประชารัฐต้องชมมีมูลค่าการซื้อขาย กระจายรายได้สู่ชุมชนกว่า 1,276 ล้านบาท นอกจากนี้กรมฯ ได้ขยายผลและยกระดับตลาดต้องชมโดยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัย ทั้งไทยและต่างชาติ ได้สัมผัสถึงเสน่ห์และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นที่น่าสนใจ ภายใต้แนวคิด “ตลาดเที่ยวได้...สไตล์ไทยๆ” เมืองไทยมีดี วิถีชุมชน เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจจากการบริโภคภายในประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนให้มีความเข้มแข็งในระยะยาว รวมทั้งสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน เพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

โดยกรมการค้าภายในมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเป็น “ตลาดประชารัฐต้องชม” ใน 5 องค์ประกอบคือ 1) สถานที่ทำเลที่ตั้งต้องความสะอาด ถูกสุขาภิบาลตลาด2) สินค้า เป็นสินค้าพิ้นถิ่น มีความหลากหลาย และเป็นผลผลิตจากคนในชุมชน 3) การประกอบการค้า มีความเป็นธรรมทางการค้า 4) ความพร้อมของตลาด และ 5) ลักษณะเฉพาะที่เป็นจุดเด่นของตลาดทั้งด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมสนับสนุนวัฒนธรมท้องถิ่น รวมทั้งกรมฯ ได้มีการจัดเกรดตลาดประชารัฐต้องชม  เพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาแต่ละตลาดแตกต่างกัน ตามการจัดแบ่งกลุ่มตลาดออกเป็น 3 เกรด  คือ เกรด A  เกรด B และเกรด C ตามสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก และความพร้อมของตลาด
พร้อมกับกำหนดกรอบแนวทางในการพัฒนาตลาดแต่ละเกรดไว้ด้วย

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2562 กรมมีแผนส่งเสริมจัดตั้งตลาดประชารัฐต้องชมแห่งใหม่ จำนวน 10 แห่ง พร้อมจัดกิจกรรมกระตุ้นและเชื่อมโยงการซื้อขายสินค้าชุมชน การประชาสัมพันธ์ตลาด วิถีชีวิต ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชุมชนในตลาดต้องชมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ  การจัดงานตลาดนัดประชารัฐต้องชม EXPO  การประชาสัมพันธ์ตลาดประชารัฐต้องผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และออฟไลน์ต่างๆ  นอกจากนี้ได้การส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาตลาด การจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพผู้ประกอบการในตลาด โดยการจัดอบรมให้แก่ผู้ประกอบการ และผู้ค้าในตลาดในด้านต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน แต่ยังความเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนไว้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
*******************

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น