วันที่ 3 ส.ค.63 เวลา 09.30 น.
ที่บริเวณมุขด้านหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายอุทิน
จันทะโสม นายกเทศมนตรีตำบลดงเย็น นายสุพันธ์ เที่ยงโยธา
รองนายกเทศมนตรีตำบลคำอาฮวน พร้อมชาวบ้านตำบลดงเย็น และตำบลคำอาฮวน
อำเภอเมืองมุกดาหาร กว่า 100 คน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม
ผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด โดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินงานของ
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
โดยมี นายเอกราช มณีกรรณ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.ล้ำ
ปลูกเพชร์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ด.ต.พร้อมพงศ์ มาพงษ์
หัวหน้ากลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร นายวิโรจน์ สนธิกรณ์
ป้องกันจังหวัดมุกดาหาร
ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ตำบลคำอาฮวน และตำบลดงเย็น
อำเภอเมืองมุกดาหาร กว่า 100 คน ที่เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน
ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร
โดยหนังสือร้องเรียนดังกล่าวระบุว่า ด้วยประชาชนในเขตพื้นที่ ตำบลคำอาฮวน
ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง มุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร
ได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานของ นายสุรเดช อัคราช ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
ที่พยายามทุกวิถีทาง
ในการตรวจยึดพื้นที่ของราษฎรซึ่งครอบครองทำกินมาเป็นระยะเวลานาน
ทำให้ราษฎรในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำ สร้างความปั่นป่วน
ไม่ตรงไปตรงมา ทำให้เกิดความเดือดร้อน คุกคามสิทธิของราษฎร ตามมติ ครม. 30 มิถุนายน 2541
ไม่ดำเนินการตามกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และขอให้นายสุรดช อัคราช ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
ออกจากพื้นที่เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการตรวจสอบ
ทางด้าน นายสุรเดช อัคราช
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
ได้มีหนังสือที่ มห.0014.3/1994
ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร
ชี้แจงข้อเท็จจริง
กรณีที่มีที่ประชาชนเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
ได้รับแจ้งจากราษฎรอาสาพิทักษ์ป่าว่ามีนายทุนทั้งในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารและนอกพื้นที่ได้ทำการบุกรุกถือครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ
ป่าดงบัง แปลงที่ 2 ท้องที่ตำบลคำอาฮวน
และตำบลดงเย็น อำเภอเมืองมุกดาหาร
โดยการซื้อที่ดินจากราษฎรในพื้นที่และได้ปลูกยางพาราและพืชเกษตรมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
จึงได้ลงพื้นที่ร่วมกับราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.4 (คำอาฮวน) เพื่อร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า
มีการบุกรุก 12 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,700 ไร่ และมีการบุกรุกพื้นที่ป่าตามมาตรา 4
แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ท้องที่อำเภอเมืองมุกดาหาร
จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ ประมาณ 32-3-92
ไร่
เพื่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวโดยมีการจัดเก็บค่าบริการกับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมภายในพื้นที่
ซึ่งเป็นการนำพื้นที่ป่าตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติป่าไม้
พ.ศ.2484
ซึ่งเป็นการนำทรัพย์สมบัติของชาติสร้างรายได้ให้กับตนเอง
และเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ได้เข้าร่วมประชุม
คณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายสันธาน สร้อยสำโรง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน พร้อมด้วย พลตรี วิชัย มารศรี
ผู้อำนวยการศูนย์ประสานความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ
และเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้เข้าร่วมประชุม นำมาสู่การจัดทำแผนยุทธการพิทักษ์ไพร
ซึ่งจะมีการเปิดยุทธการดังกล่าวในเร็วๆนี้
เพื่อจะดำเนินการพิสูจน์ ตรวจยึดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแปลงที่ 2 ที่ถูกนายทุนบุกรุก โดยมีเป้าหมายพื้นที่ดำเนินการ เป็นพื้นที่ของนายทุนชัดเจน
หากตรวจสอบแล้วว่าเป็นพื้นที่ของราษฎร จะนำเข้าสู่กระบวนการให้ความช่วยเหลือต่างๆ
ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ นั่นคือการดำเนินการตามแผนยุทธการพิทักษ์ไพร
ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการครอบครองที่ดินทำกินของราษฎรที่ได้ครอบครองทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
(ป่าดงบังอี่) แปลงที่ 2 แต่อย่างใด
อีกทั้งการดำเนินการตามแผนยุทธการพิทักษ์ไพร มิได้เป็นการดำเนินการของ
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร เพียงฝ่ายเดียว
แต่เป็นการดำเนินการร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย
ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และป่าไม้
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร
จะได้เร่งดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริง
และให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2
ฝ่าย ต่อไป
อภิชาติ สายชมภู/รายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น