วันที่ 16 พ.ค.63 เวลา 10:00
น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานการประชุมซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) พร้อมด้วยนายนิพนธ์
บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมการประชุม
และผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด
หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า
วันนี้เป็นการประชุมซักซ้อมการปฏิบัติเพื่อรองรับมาตรการผ่อนคลายระยะ 2 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9
แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่
7) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้ขอบคุณข้าราชการทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งท้องที่ ท้องถิ่น สาธารณสุข ทหาร
ตำรวจ ทั้งส่วนราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และส่วนราชการอื่น ๆ ที่ร่วมกันทำงานเป็นอย่างดี
จนทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า
สำหรับผลการดำเนินงานหลังจากการผ่อนคลายระยะ 1
พบว่า อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังมีกลุ่มผู้ฝ่าฝืน 2-3 กลุ่ม
ดังนั้น ทุกพื้นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง
และเนื่องจากสถานการณ์ของโควิด-19 ยังไม่มีวัคซีนในการรักษา
เราจึงต้องอยู่กับโรคนี้อยู่อีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
เรื่องสุขอนามัยของประชาชนเป็นพื้นฐาน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย
การเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินเพื่อดำรงชีพได้
และเตรียมพร้อมวางมาตรการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต
เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปได้ นอกจากนั้น
ในส่วนของราชการต้องทำหน้าที่กำกับดูแลในพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรการและข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวว่า ขอให้ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ
ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลการให้และการรับสิ่งของบริจาคของพี่น้องประชาชนให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข
และกำชับการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ
ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดถือปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือข้อสั่งการเชิงนโยบาย
ข้อห้าม และข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นไปตามกฎหมาย
และไม่เกิดความสับสนของประชาชน และมาตรการที่ยังต้องดำรงการปฏิบัติ เช่น การงดหรือชะลอการเดินทาง
เว้นแต่จะมีความจำเป็น
รวมทั้งให้พิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จในระดับพื้นที่
และการใช้จ่ายงบประมาณและกาจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด
และหากพบปัญหาการปฏิบัติให้รายงานมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อหารือกับ ศบค. ต่อไป
จากนั้น ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย
ได้รายงานผลการประเมินการปฏิบัติของจังหวัดและอำเภอ
รวมทั้งได้กำชับแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมในระยะ 2 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9
แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่
7) และแนวทางการปฏิบัติในการส่งแรงงานต่างด้าวกลับประเทศเพื่อนบ้าน
เป็นต้น และผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ภูเก็ต สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ได้รายงานผลการปฏิบัติและสะท้อนแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติในระดับพื้นที่
สุดท้าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดต้องสร้างความร่วมมือประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานสาธารณสุขพื้นฐาน
คือ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากทางเลือก ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์
เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ไม่อยู่ในที่แออัด
และลดการเคลื่อนที่ ถ้าทุกคน ทุกส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติกันอย่างเต็มที่
เราจะก้าวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในเร็ววัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น