ค้นพบสมุนไพรไทยโบราณสูตร "พ่อท่านชูเฒ่า"เกจิจอมขมังเวทย์สมัย ร.5 ชุบ-ต่อชีวิตผู้คนนับพัน-หลังเสี่ยค้าไม้ได้สูตรลับจากคนเฒ่าคนแก่ข้างวัดพัทธสีมา อ.หัวไทร รับประทานรักษาอาการป่วยจนหาย มอบสูตรร้านยาแผนโบราณส่งต่อ "เลิศ คนพรรค์นี้"สื่ออาวุโสเมืองคอนเผยแพร่เป็นวิทยาทาน
ผู้สื่อขาวรายงานว่าที่สำนักข่าวนครโพสต์ ซอยอัศวะรักษ์ 1 ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนเดินทางมาจากต่างอำเภอและจากจังหวัดใกล้เคียงทยอยเดินทางมาพบนายเลิศ อักษรนิตย์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เพื่อปรึกษาด้านสุขภาพและขอรับสมุนไพรไทยโบราณสูตร “พ่อท่านชูเฒ่า”วัดพัทธสีมา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งสมุนไพรไทยสูตรโบราณ มีสรรพคุณละลายไขมันในเส้นเลือด ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ไปเลี้ยงสมอง ระบายอ่อน ๆ ช่วยให้นอนหลับลึก พุงยุบ เป็นต้น
สืบเนื่องจากเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา “เสี่ยตุ้ม แตงโม”นักธุรกิจเจ้าของกิจการ “แตงโมค้าไม้เก่า” ล้มป่วยด้วยอาการหลากหลาย เช่น สมองมึนงง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ชาปลายมือปลายเท้า ตาพร่ามัว ใบหน้าหมองคล้ำ ความดันโลหิตไม่ปกติ มีไขมันในเลือดสูง หายใจติดขัด หัวใจเต้นแรง เหนื่อยง่าย และมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆมากมาย เข้ารับการตรวจและรักษาในโรงพยาบาลหลายแห่ง รับประทานยาตามแพทย์สั่งอาการทุเลาลงบ้างแต่เมื่อหยุดรับประทานยาอาการก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม สร้างความทุกข์ทรมานให้กับ"เสี่ยตุ้ม"เป็นอย่างมาก
จนกระทั่งมีคนแก่แนะนำว่าให้รับประทานสมุนไพรตำรับ “พ่อท่านชูเฒ่า” อดีตเจ้าอาวาสวัดพัทธสีมา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เกจิอาจารย์ชื่อดังในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5-รัชกาลที่ 7 โดยหลวงพ่อชูเฒ่ามีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงปี พ.ศ.2428-2470 "เสี่ยตุ้ม"จึงได้สืบเสาะตำรับสมุนไพรของ"หลวงพ่อชูเฒ่า" จนได้ตำรับสมุนไพรสูตรหนึ่งจากคนเฒ่าคนแก่ข้างวัดพัทธสีมา มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย 14 ชนิด จึงนำมาจ้างร้านขายยาสมุนไพรไทยในตัวเมืองนครศรีธรรมราช บดและนำมาผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทานครั้งและ 3-5 ลูกกลอน วันละ 1-2 ครั้งก่อนอาหารเช้า-เย็น ใช้เวลาประมาณ 30 วัน อาการของโรคที่เป็นอยู่หายเป็นปลิดทิ้ง ทำให้"เสี่ยตุ้ม แตงโม" ในวัยเกือบ 60 ปี เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สุขภาพร่างกายและจิตใจ สามารถทำงานหนักได้ทุกชนิด จนเป็นที่แปลกใจของผู้ใกล้ชิด
นายเลิศ อักษรนิตย์ อายุ 66 ปี หรือที่รู้จักกันในนาม “เลิศ ผ้าขาวม้าแดง หรือ “เลิศ ฅนพรรค์นี้” ผู้ซึ่งนำตำรับยาสมุนไพร “พ่อท่านชูเฒ่า” มาบดบรรจุแคปซูล เปิดเผยว่า ตามปกติตนให้ความสำคัญเรื่องสมุนไพรไทยอยู่แล้ว เคยนำตำรับสมุนไพรไทยของคนโบราณที่อาศัยอยู่ตามป่าเขา มาผลิตจำหน่ายสร้างความฮือฮามาแล้วหลายขนาน โดยเฉพาะสูตรสมุนไพรดองเหล้า ที่ช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย แก้ปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ จนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แต่ในปัจจุบันตัวยาสมุนไพรขนานดังกล่าวหายากมากต้องไปค้นหาในป่าหรือบนภูเขาสูง เช่น เทือกเขาหลวง เขาบรรทัด
"หมอเคล้า ใน อ.มะนัง จ.สตูล หมอพื้นบ้านผู้รวบรวมสูตรสมุนไพรโบราณหลายขนาน ท่านมีอายุมากขึ้นและประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่คล่อง จึงไม่สามารถขึ้นไปเสาะหาสมุนไพรส่วนผสมสูตรยาดองนี้ ตอนนี้จึงไม่มีจำหน่ายอีก"นายเลิศ กล่าวและพูดถึงสูตร “พ่อท่านชูเฒ่า” ดังกล่าวว่า จากการแนะนำและบอกต่อของ"เสี่ยตุ้ม"และยังมอบสูตรไว้กับร้านขายยาแพทย์แผนไทยในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นวิทยาทานและร่วมสร้างบุญกุศล ทุกคนที่รับประทานหายขาดจากโรคร้ายภายใน 1 เดือน และได้บอกเล่าต่อกันไปปากต่อปากจนเป็นที่ฮือฮาเสาะหากันอย่างกว้างขวางทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง
นายเลิศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางร้านขายยาแผนโบราณที่รับบดสมุนไพรบดไม่ทัน ผู้ป่วยหลายคนให้ลูกหลานพาเดินทางมาจากต่างอำเภอบ้างต่างจังหวัดบ้าง เทียวไปเทียวมาหลายครั้ง จนทาง"เสี่ยตุ้มแตงโมไม้เก่า" ขอร้องให้ตนเป็นคนกลางเป็นจุดศูนย์รวมของการให้บริการ ผลิต เผยแพร่และจำหน่าย สมุนไพรสูตรโบราณพ่อท่านชูเฒ่า โดยหลังจากทางร้านบดสมุนไพรเป็นผงตนก็จะนำมาบรรจุแคปซูลใส่ถุง ๆ ละ 50 เม็ด จำหน่ายในราคา 100 บาท โดยมีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาปรึกษาเรื่องสุขภาพและซื้อสมุนไพรสูตรพ่อท่านชูเฒ่าไปรับประทานกันอย่างกว้างขวาง คาดว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่รับประทานสมุนไพรสูตรนี้หายป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้วนับพันคน รวมทั้งตนก็รับประทานสมุนไพรสูตรนี้มาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เจ้าของฉายา “เลิศ ฅนพรรค์นี้” เปิดเผยด้วยว่า เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป มีโทรศัพท์เข้ามาปรึกษา สอบถามเรื่องสุขภาพและสมุนไพรสูตรโบราณดังกล่าวสายแทบไหม้ พร้อมสั่งซื้อทางไปรษณีย์ จนผลิตและจัดส่งแทบไม่ทันเนื่องจากตนบรรจุแคปซูลด้วยมือเท่านั้น
"ผมกำลังปรึกษาหารือกับเสี่ยตุ้ม และทีมงานสำนักข่าวนครโพสต์ว่าจะจัดซื้อเครื่องเครื่องบรรจุแคปซูล กึ่งอัตโนมัติ มาใช้เพื่อให้สามารถผลิตและบรรจุแคปซูลได้เพียงพอกับความต้องการ สำหรับผู้สนใจโทรปรึกษาและสั่งซื้อได้ที่ สำนักข่าวนครโพสต์ เลขที่ 5/1 ซ.อัศวรักษ์ 1 ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 80000 หรือ โทร 081-3438590 ครับ"
สำหรับวัดพัทธสีมา มีอายุยาวนานกว่า 800 ปี ตามหลักฐานของพงศาวดารนครศรีธรรมราช ว่า ผู้สร้างวัดพัทธสีมาคือสองพี่น้องที่มีเชื้อสายศรีลังกาและจีน มีนามว่าพลิติ และพลิมุยซึ่งเป็นลูกพี่สาวของพระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ 5 จันทรภานุ ทั้งสองได้นำทรัพย์สมบัติบรรทุกเรือสำเภาเดินทางมาจากลังกาเพื่อสมทบในการก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราช (พ.ศ.1793) ตามคำเชิญชวนของพระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ 5 จันทรภานุ แต่เมื่อเดินทางมาถึงปรากฏว่าพระบรมธาตุเจดีย์ได้สร้างเสร็จแล้ว ทั้งสองพี่น้องจึงได้ร่วมสร้างวิหารมหาภิเนษกรมณ์ (วิหารพระม้า) และพระเจ้าศรีธรรมโศกราชฯ ยังทรงแนะนำ ให้นำทรัพย์ที่สินเหลือไปสร้างวัดตามที่เห็นสมควร ทั้งสองจึงเดินทางเรื่อยมาจนถึงปากลำบางพัทธสีมาในปัจจุบัน และเห็นว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่ จึงได้สร้างวัดขึ้นแล้วให้ชาวบ้านเดินทางไปนิมนต์พระสงค์จากนครศรีธรรมราชมาจำวัดเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา มีการนำพัทธสีมาฝังไว้ใต้ดินเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ทำสังฆกรรม และเรียกวัดนี้ว่า “วัดพัทธสีมา”มาจนถึงปัจจุบัน
ตามหลักฐานเอกสารกัลปนาวัดพัทธสีมา ระบุว่า พระเจ้าศรีธรรมโศกราชฯ ได้กำหนดเขตแดนพระราชทานเป็นพื้นที่กัลปนา พระราชทานผู้คนชายหญิงเพื่อปรนนิบัติพระศาสนาเรียกว่า ข้าประโยมสงฆ์หรือข้าประโยมทาน ให้ทางวัดเก็บผลประโยชน์จากที่ดินเพื่อบำรุงวัด บำรุงพระศาสนา ซึ่งตามข้อมูลทะเบียนวัดต่าง ๆ ใน อ.หัวไทร ระบุว่า วัดพัทธสีมาตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2265 วัดมีอาคารโบราณสถานสำคัญคือหอพระไตรปิฎก (หอไตรกลางน้ำ) ตามหลักพงศาวดารนครศรีธรรมราช ว่าด้วยการสร้าง พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ซึ่งเกี่ยวเนื่องถึงวัดพัทธสีมา ฯลฯ ดังนั้น ผู้มีส่วนสำคัญ ในการเป็นจุดรวมของการสืบทอดพระศาสนาและดูแลวัดคือ เจ้าอาวาส โดยวัดนี้มีเจ้าอาวาสสืบต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน 12 รูป อดีตเจ้าอาวาสวัดพัทธสีมา 1.พระอธิการเนียม (ท่านครัวเนียม) พ.ศ. 2265-2293 2.พระอธิการคง (ท่านครัวคง) พ.ศ. 2293-2324 ช่วงตอนปลายกรุงศรีฯ กรุงแตก ปี พ.ศ 2310 3.พระอธิการจุ้ย(ท่านครัวจุ้ย) พ.ศ.2324-2352
ช่วงกรุงธนบุรี เข้าสู่กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ครองราชย์ พ.ศ. 2325-2352 4.พระอธิการเบี้ยว (ท่านครัวเบี้ยว) พ.ศ. 2352- 2381 5.พระอธิการหนู(ท่านครัวหนู)(พ่อท่านเฒ่า) พ.ศ2381-2428 6.พระอธิการชู พนธนโม(พ่อท่านชูเฒ่า) พ.ศ. 2428- 2470 อยู่ในช่วงรัชกาลที่ 5-รัชกาลที่ 7 เป็นต้น
เจ้าอาวาสแต่ละรูปมีบทบาทศักยภาพบารมีต่อวัดและชุมชนแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยและยุคสมัย เช่น อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 6 พระอธิการชู (พ.ศ. 2382-2470) หรือที่เรียกกันว่าพ่อท่านชูเฒ่า มีบทบาท ศักยภาพ และบารมีสูงที่สุดเท่าที่มีหลักฐานยืนยันได้ อาทิ ด้านการศึกษา ได้จัดให้มีการเรียนหนังสือในวัดทั้งพระเณรและลูกหลานชาวบ้านด้านการแพทย์แผนโบราณ ได้ใช้วัดเป็นที่สงเคราะห์ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยที่มาจากใกล้ไกล มีหลักฐานให้เห็นจากตำรายาและสมุนไพรภายในวัดจำนวนมาก พ่อท่านชูเฒ่าเก่งทางด้านไสยเวทย์ และรักษาโรค ยาที่ดังของท่านในสมัยนั้นคือ ยาเม็ดผักกาด รักษาโรคภัยได้ชงัดนัก ท่านชูเฒ่ามีลูกศิษย์หรือวิชาสาย ของท่านที่ดังๆ คือ พ่อท่านหนูจันทร์ วัดพัทธสีมา พ่อท่านจับ วัดท่าลิพง พ่อท่านชู วัดธง พ่อท่านกล่ำ วัดหัวค่าย พ่อท่านซ้วน วัดบ้านด่าน ( พ่อท่านพรหมแก้ว วัดโคกพิกุล อาจารย์พ่อท่านรุ่ง วัดรามแก้ว ) (พระครูพนังศีลวิสุทธิ์ภักดี วัดศาลาแก้ว อาจารย์พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อสมัยเป็นสามเณร) ฯลฯ
พ่อท่านชูเฒ่าเป็น พระเกจิสมัย ร.5-6-7 ท่านมรณภาพมาแล้วประมาณเกือบ 100 ปีเศษ ท่านเก่งหลายด้านทั้งยาและไสยเวทย์ เล่าลือกันว่าพ่อท่านมีอิทธิฤทธิ์มากสามารถลงไปอยู่ในกาน้ำร้อนได้ หากถามคน อ.หัวไทร ว่ารู้จักพ่อชูเฒ่าท่านไหม เขาจะตอบว่า “เก่งสุดยอดพ่อท่านชูเฒ่า”วัดพัทธสีมา ท่านเป็นพระศึกษา มีความรู้ทางเวทมนต์ ไสยศาสตร์
จากประวัติทราบว่าพ่อท่านมีอภินิหาริย์ ด้านไสยเวทย์ ต่าง ๆ มากมาย มีศิษย์ มาศึกษา ความรู้ด้านความอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งจากการอ่านหนังสือต่าง ๆที่เคยเขียนประวัติของพ่อท่านชูเฒ่า ทราบว่ามีศิษย์พ่อท่านอยู่คนหนึ่ง ที่อวดตัวว่าตนเองว่าเก่งกาจเรื่องอยู่ยงคงกระพันแล้ว ขึ้นไปนอนบนขอนไม้ให้เพื่อนๆ เอาเลื่อยแบบชักโค่นต้นไม้ จับด้ามฝั่งละคนเลื่อยพุงคนที่นอนบนข่อนไม้ ปรากฎว่าเลื่อยไม้เข้า ไม่ระคายผิวหนัง ต่อมาเรื่องการอุตริเข้าหูพ่อท่านชูเฒ่า ในเย็นวันหนึ่งพ่อท่านเรียกศิษย์ ผู้อวดอุตริคนนั้น มาที่กุฎิ แล้วบอกว่าเย็นนี้ให้ไปเอาหรือไปนำต้นตาลโตนด หรือ “ต้นโหนด” ปลายนาหัวนอนวัดย้ายมาปลูกหน้ากุฎิท่านด้วย 1 ต้น ในคืนวันต่อมาศิษย์ผู้อวดตนคนนั้น ระดมเพื่อนๆ ได้ เกือบสิบคน ไปย้ายต้นโตนดตามพ่อท่านสั่งแต่พยายามเท่าไรไม่สำเร็จ พ่อท่านทราบว่ามันทำไม่ได้ ก็ไม่ว่าอะไร แต่รุ่งเช้าของคืนต่อมา ชาวบ้านเห็นว่ามีต้นตาลโตนดมาปลูกยืนต้นอยู่ หน้ากุฎิพ่อท่านชูเฒ่าแล้ว ซึ่งต้นตาลโตนดมาปลูกหน้ากุฏิท่านได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นการตักเตือนและให้ข้อคิดกับศิษย์ตนดังกล่าวให้มีสติและสำนึกว่าแม้จะมีบารมี เก่งกาจมากมายขนาดไหน อย่าอวดเก่ง คึกคะนองอวดอุตริ เพราะยังมีคนที่เขามีวิชา บารมีเก่งมากกว่าอยู่อีกมากที่เขาไม่อวดอุตริ
ยังมีเรื่องพ่อท่านชูเฒ่าปลุกใบมะขามเป็นตัวต่อตัวแตนอีก หรือเรื่องพ่อท่านชูเฒ่า ตบต้นไม้ใหญ่ที่โจรมันปีนขึ้นไปเมื่อคราวมันมาลักวัวชาวบ้าน ชาวบ้านจับได้ไล่กวดจับมันรีบปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ ชาวบ้านเรียกให้มันลงมามันไม่ย่อมลง ชาวบ้านเฝ้าอยู่โค่นต้นไม้ ชาวบ้านจึงให้คนไปนิมนต์พ่อท่านชูเฒ่ามา ไกล่เกลี่ยให้มันลงมาจับเสียดีๆ เพื่อจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่พ่อท่านชูเฒ่าพยายามพูดเกลี่ยกล่อมเท่าไรมันไม่ลงมาเสียที พ่อท่านชูเฒ่าเลยตบโคนต้นไม้ซ้ายที ขวาทีโจรคนนั้นได้หล่นตุบลงมาที่พื้น จึงจับมันได้และส่งเจ้าหน้ที่บ้านเมืองดำเนินคดีตามกฎหมาย ..นี้เป็นการสั่งสอนให้พวกมิจฉาชีพมันรู้ว่า อย่าได้มาทำร้าย ข่มเหง รังแกชาวบ้าน
ส่วนวัตถุมงคลของ พ่อท่านชูเฒ่าที่ท่านได้สร้างไว้เช่น ตะกรุดทองเหลือง ที่ในปัจจุบันจัดว่าเป็นวัตถุมงคลที่หายากมาก ๆ ส่วนเหรียญพ่อท่านชูเฒ่า วัดพัทธสีมา รุ่นแรก ปี 19 เหรียญรุ่นนี้สร้าง เมื่อปี พ.ศ 2519 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการวางศิลาฤกษ์วิหาร วัดพัทธสีมา อ. หัวไทร จ. นครศรีธรรมราช ปลุกเสกโดยหลวงพ่อหนูจันทร์ แห่งวัดพัทธสีมา และลูกศิษย์สายวัดพัทธสีมาเป็นเหรียญที่นิยมและมีประสบการณ์อีกเหรียญหนึ่งของเมืองหัวไทรและเมืองนครศรีธรรมราช มีเรื่องเล่าลือกันว่าเคยมีคนห้อยเหรียญพ่อท่านชูเฒ่ารุ่นนี้ถูกคนร้ายชักปืนจ่อยิงแบบจะๆ แต่ปืนยิงไม่ออกและเหรียญรุ่นนี้มีพุทธคุณด้านแคล้วคลาดดีนักแล
พ่อท่านชูเฒ่า มีลูกศิษย์ ท่าน 2 องค์ คือพ่อท่านหนูจันทร์ วัดพัทธสีมา และพ่อท่านจับ วัดท่าลิพง ยังเคยร่วมปลุกเสกใหญ่กับเกจิสายเขาอ้อในงานวัตถุมงคลของอาจารย์ศรีเงิน วัดเขาอ้อ หรือ พ่อท่านซ้วน วัดบ้านด่าน ก็เคยรวมกันทำเครื่องรางวัตถุมงคลกับ อาจารย์เจ็ก เกจิสายเขาอ้อและในงานพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ในโอกาสสร้างเหรียญรุ่น ภปร. ก็ทราบว่าได้เชิญพ่อท่านหนูจันทร์ร่วมปลุกเสกด้วย
***********************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น