pearleus

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ข่าว - ภาพ กองปราบ เสี่ยพันล้าน หุ้นส่วนสโมสรเรดดิ้ง และปธ.บริหารสโมสรเพื่อนตำรวจ ร้องทุกข์ หลังจากถูกกลุ่มชายฉรรจ์ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ปมเหตุขัดแย้งเงินกองทุน สกสค.

 

                             เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 เมษายน 2558 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายไพโรจน์ เทศนิยม  นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ได้พา นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา นักธุรกิจพันล้าน เจ้าของบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง แห่งศึกแชมเปี้นชิพอังกฤษ และประธานผู้สนับสนุนสโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม กรณีที่ นายสัมฤทธิ์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) แจ้งข้อกล่าวหา ว่ากระทำการสนับสนุนข้าราชการโดยมิชอบ ผิดระเบียบการกู้ยืมเงินของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หลังจากผู้บริหาร สกสค.ได้เคยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสัมฤทธิ์ ไว้ก่อนหน้านี้ โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มามอบไว้เป็นหลักฐาน
                
                นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางปี 2556 ตนได้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในนามบริษัท บิลเลี่ยนอินโนเวเท็ต กรุ๊ป จำกัด ในพื้นที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี รวม 1,200 ไร่ ด้วยงบประมาณ 6,500 ล้านบาท ต่อมาทาง สกสค.ได้ขอเข้าร่วมดำเนินการในโครงการนี้ โดยนำงบประมาณ 2,100 ล้านบาท มาร่วมลงทุน แต่ภายหลังได้มีอดีตผู้บริหาร สกสค.(นายประยุทธ รัศมีแพรวพราว) ได้แจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ป.และ บก.ปปป.กล่าวหาว่าตนกระทำการซึ่งเข้าข่ายสนับสนุนข้าราชการโดยไม่ชอบ และมีการกู้ยืมเงินกองทุน สกสค.ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่เป็นกรณีที่ทาง สกสค.นำเงินมาร่วมลงทุนเอง
                นายสัมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ทางอดีตผู้บริหาร สกสค.รายนี้ ได้ติดต่อขอนัดพบตนเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ที่ ค่ายลูกเสือแห่งหนึ่งใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จึงตัดสินใจเดินทางไป แต่ทันทีที่ไปถึงก็พบชายฉกรรจ์ 9 คน โดย 4 คนในนั้น มีอาวุธปืน ก่อนที่อดีตผู้บริหาร สกสค.คนดังกล่าว จะพูดข่มขู่ให้ตนถอดเสื้อผ้าออก และให้เดินไปคุยกับชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ที่บ้านพักในค่ายลูกเสือแห่งนี้
                
                นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ทางฝ่ายอดีตผู้บริหาร สกสค.มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้ตนล้มล้างบอร์ดบริหารของ สกสค  2.หากล้างบอร์ดชุดปัจจุบันได้แล้ว ก็ให้ทางอดีตบอร์ดคนดังกล่าวและทีมงาน เข้ามาดำเนินการแทนเพื่อแลกกับการสนับสนุนเงินของกองทุน ซึ่งมีมากกว่าหลายพันล้านบาท และขอให้จ่ายเงินค่าคอมมิชชั่น 30% และ 3.ให้นำเงิน 177 ล้านบาท มาให้ โดยงวดแรกให้จ่ายเงินจำนวน 77 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 กองเท่าๆ กัน มาให้ อย่างไรก็ดี ในระหว่างเจรจาตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงรับปากไปก่อน แต่หลังจากกลับ กทม.แล้ว อดีตผู้บริหาร สกสค.รายนี้ ได้โทรศัพท์มาเรียกเงิน 77 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงวดแรก แต่ตนปฏิเสธที่จะมอบให้
                
                   นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า เมื่อบอกปฏิเสธไป จึงถูกข่มขู่ว่าจะทำร้ายและไม่รับรองความปลอดภัยในชีวิต นอกจากนี้ยังขู่ว่าจะนำระเบิดไปวางหน้าบ้านพักและที่ทำงานของตน ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนต้องเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัย และมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจที่ตนบริหารอยู่ โดยก่อนหน้านี้ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.วังทองหลาง
               
                 “ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้อง การมาเรียกเงินตรงนี้แล้วมาแบล็คเมล นั้น ไม่ถูกต้อง ฝ่ายเขาทั้งแจ้งความดำเนินคดี ใส่ร้าย และมีการพูดจาข่มขู่คุกคาม ผมก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ เพียงเพราะต้องการเงินจากผม และเชื่อว่าหากให้เงินไปในครั้งแรกก็จะมีครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆนายสัมฤทธิ์ กล่าว
              
              ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ โดยมอบหมายให้ พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ร้อง และตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ประกอบกับข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยยืนยันว่าทางพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่มีชายฉกรรจ์กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย นั้น คงต้องสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี อย่างไรก็ดี หากพบว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลก็อาจมีการพิจารณานำกำลังตำรวจ บก.ป.เข้ากวาดล้างด้วย





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น