เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 7 เมษายน ที่ กองบังคับการปราบปราม
(บก.ป.) นายสมชัย เสรีเกียรติดิลก อายุ 55 ปี และนางจันทรา
เสรีเกียรติดิลก อายุ 50 ปี บิดาและมารดาของ นายธีระพัฒน์
เสรีเกียรติดิลก อายุ 33 ปี
ผู้ต้องหาคดียาเสพติดซึ่งผูกคอเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ
ภายในเซฟเฮ้าส์ระหว่างที่ถูกตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดภูธร จ.สงขลา ควบคุมตัวไว้
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งต่อมาญาติได้ร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ผบ.ตร.เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต กระทั่ง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ตำรวจชุดจับกุม 10 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน โดยเดินทางมาพร้อมด้วย นายธารณ์เทพ ขุนแก้ว
ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.สุรชัย โลหะนาคบุตร พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ
กก.6 บก.ป.เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายธีระพัฒน์
นายสมชัย กล่าวว่า
เหตุที่ต้องเดินทางเข้าร้องทุกข์ที่ บก.ป.ในครั้งนี้
เพราะอยากให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ลูกชาย เสียชีวิต
เนื่องจากผลการชันสูตรศพในเบื้องต้นพบว่ามีการทำร้ายร่างกายซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของตำรวจชุดจับกุม
จึงอยากให้ดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุมทั้ง 10 นาย
ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขู่กรรโชกทรัพย์
และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ขณะที่ นางจันทรา เปิดเผยว่า
อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับกรณีของลูกชายตนเพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก
ที่ผ่านมาก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและการดำเนินการของตำรวจ
บก.ป.และขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจติดตามคดีนี้ อย่างไรก็ดี
ตนอยากให้มีการตรวจดีเอ็นเอตำรวจชุดจับกุมทั้ง 10 นาย
เพื่อพิสูจน์ความจริงและขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ
นอกจากนี้สิ่งที่ตนเรียกร้องมาตลอดคือการยกเลิกการใช้เซฟเฮ้าส์ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้สอบสวนดำเนินคดี
ถึงขณะนี้คงต้องขอพึ่งทาง บก.ป.เพื่อให้เรื่องนี้มีความกระจ่างชัด
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี
รรท.ผบก.ป.กล่าวถึงการสอบสวนข้อเท็จจริงคดีนี้ หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า
จากผลการชันสูตรศพของแพทย์ในเบื้องต้นทราบว่า เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ
โดยเสียชีวิตในเวลาใกล้เคียงกับอาการกระดูกซี่โครงหักและปอดฉีก
ซึ่งกรณีนี้คงต้องรอผลการชันสูตรจากนิติเวช
อย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อความชัดเจน และเมื่อมีการรับโอนคดีมาดำเนินการแล้ว
ทางพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ต่อไป โดยยืนยันว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น