เมื่อ 20 พ.ย.56 ณ ห้องประชุม 1 ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานจราจร เป็นประธานการประชุมระดมหน่วยงานทั้งใน ตร.และนอก ตร. จำนวน 50 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ซึ่งปีนี้มีวันหยุดจำนวน 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ธ.ค.56 ถึงวันพุธที่ 1 ม.ค.57 โดยพิจารณาจากข้อมูลและสภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ปีที่แล้วซึ่งเกิดอุบัติเหตุจำนวน 3,176 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,329 คน และผู้เสียชีวิต 365 คน สาเหตุหลักเกิดจาก 3 ประการคือ 1) เมาสุรา 2) การขับรถเร็ว 3) ไม่สวมหมวกนิรภัย ดังนั้นในปีนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จึงได้ให้มีการเตรียมการเพื่อสร้างความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนล่วงหน้า โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งดำเนินการกำหนดมาตรการและบูรณาการสนธิกำลังหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันเตรียมการปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลตามเป้าหมาย คือจะต้องลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับสถิติปีใหม่ 2556 ที่ผ่านมา โดยขับเคลื่อนและรณรงค์ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ปีใหม่สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” โดยกำหนดมาตรการเข้มในการป้องกันและลดอุบัติเหตุผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เรียกว่า “มาตรการ 7 วันแห่งความปลอดภัย” (27 ธ.ค.56 – 2 ม.ค.57) มาตรการนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลักกล่าวคือ ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ 1 - 30 พ.ย.56 (30 วัน) ช่วงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 1 - 26 ธ.ค.56 (26 วัน) ช่วงคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.56 – 2 ม.ค.57 (7 วัน) ซึ่ง 3 ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการบริหารจัดการจราจรที่มีประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกการจราจรและการบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นหนักการจับกุม 10 ข้อหาหลักได้แก่ 1)เมาสุรา 2) ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3)ไม่สวมหมวกนิรภัย 4) ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ 5) ขับรถแซงในที่คับขัน6)ขับรถย้อนศร 7) ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 8) ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 9) อุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้อง และ 10) โทรศัพท์ในขณะขับรถ รวมทั้งปีนี้จะให้ทุกหน่วยเน้นกวดขันมิให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยให้ฝ่ายต่าง ๆ ร่วมรณรงค์ปลูกจิตสำนึกเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทั้งตัวคนคือผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ยานพาหนะ สภาพถนนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทั่วทั้งประเทศ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น