เตือนภัยโรคหัวใจ

              จากสถานการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทย มีสถิติผู้เสียชีวิตมากถึงชั่วโมงละ 4 ราย นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าปัจจุบันสถิติผู้ป่วยโรคหัวใจมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 เท่าในรอบ 10 ปี ในขณะที่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่า 17 ล้านคนทั่วโลก นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าปี จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 ล้านคนทั่วโลก ส่วนสถานการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือดในเขตเครือข่ายบริการที่ 5 ปี 2555 พบว่า จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ จังหวัดสมุทรสาคร คิดเป็นอัตราป่วย 786 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ จังหวัดสมุทรสงคราม  คิดเป็นอัตราป่วย 645  จังหวัดนครปฐม คิดเป็นอัตราป่วย 635 จังหวัดกาญจนบุรี คิดเป็นอัตราป่วย 589 จังหวัดราชบุรี คิดเป็นอัตราป่วย 585 คน   จังหวัดเพชรบุรี คิดเป็นอัตราป่วย 563 จังหวัดสุพรรณบุรี คิดเป็นอัตราป่วย 520 และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คิดเป็นอัตราป่วย 458 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ

               ดร.นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ กำหนดวันรณรงค์หัวใจโลก ให้สอดคล้องกับสากลเป็นวันที่ 29 กันยายน ของทุกปี สาหรับปีนี้ (2556) ใช้ ประเด็นรณรงค์หัวใจโลกคือ “ เลือกแนวทางปฏิบัติตัวเพื่อหัวใจที่แข็งแรง ” วัตถุประสงค์ของการรณรงค์ เพื่อให้ประชาชนกลุ่ม เป้าหมาย มีความรู้ และทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดความตระหนัก และตื่นตัวในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพในชีวิตประจาวันมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเบื้องต้นของตนเองได้ พฤติกรรมที่ต้องการ เพื่อให้ประชาชนและกลุ่มเป้าหมาย มีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง เหมาะสมในการป้องกัน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือด รับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญ และภาระปัญหาของโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ความร่วมมือในการป้องกัน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชน ขยายผลการดูแลสุขภาพหัวใจที่ดีของตนเอง ไปสู่ครอบครัวและชุมชนต่อไป 

Posted in: บทความพิเศษ