pearleus

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชมรมรักมวยไทยต้านภัยยาเสพติด จังหวัดสมุทรสงคราม เตรียมจัดงานรำลึกจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก “อภิเดช ศิษย์หิรัญ” ผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัด

ที่ห้องประชุมบางคนที ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 8 กรกฎาคม 2556 ชมรมรักมวยไทยต้านภัยยาเสพติด จังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมประชุมคณะกรรมการเพื่อปรึกษาหารือในการเตรียมจัดงานรำลึกถึงจอมนักเตะแห่งบางนกแขวกอภิเดช  ศิษย์หิรัญ นักกีฬาแชมป์มวยไทย และมวยสากลผู้ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสมุทรสงคราม  โดยมีนายสำราญ  ตันเรืองศรี ปลัดจังหวัดสมุทรสงครามในฐานะประธานดำเนินงานรำลึกจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก ในวันที่ 1 กันยายน 2556 โดยที่ประชุมได้หารือถึงการแต่งตั้งคณะทำงานรำลึกจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก รูปแบบการจัดงาน และการจัดสร้าง “อภิเดชสถาน”เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแก่อภิเดช  ศิษย์หิรัญ และอื่นๆ เพื่อเป็นการรำลึกถึงและเชิดชูเกียรติคุณงามความดีแก่อภิเดช  ศิษย์หิรัญ ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์กีฬามวยไทยให้เป็นมรดกตกทอดถึงอนุชนรุ่นหลัง ในวันที่ 1กันยายน 2556 ซึ่งตรงกับวันเกิดและเป็นวันที่ครบรอบ 72 ปี ของ“อภิเดช ศิษย์หิรัญ”  สำหรับ“อภิเดช ศิษย์หิรัญ” หรือ นายณรงค์ ทรงมณี เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2484  ที่ ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นผู้ที่มีใจรักด้านกีฬามาตั้งแต่เด็ก จนได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนวัดเจริญสุขารามวรวิหาร เริ่มหัดชกมวยไทยตั้งแต่อายุ 13 ปี ขึ้นชกมวยครั้งแรกที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และคว้าชัยชนะมาได้ จากนั้นจึงตระเวนชกมวยไทยทั้งใน จังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียงจนเริ่มเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะลีลาการเตะที่หนักหน่วง กระทั่งถูกชักชวนชวนเข้าสู่สังเวียนผ้าใบ โดยใช้ชื่อ"อภิเดช ลูกพรชัย" ต่อมาปี พ.ศ.2500 ได้ย้ายไปสังกัดค่ายมวย"ศิษย์หิรัญ" และใช้ชื่อ "อภิเดช ศิษย์หิรัญ" และใช้พลังแข้งที่หนักหน่วงเอาชนะคู่ต่อสู้นับไม่ถ้วนจนได้ฉายา จอมเตะแห่งบางนกแขวกโดยช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของอภิเดชคือช่วงปี 2503-2514 โดยเฉพาะในปี 2507 ได้ครองแชมป์เปี้ยนรุ่นเวลเตอร์เวททั้งมวยไทยและสากล รวมถึงแชมป์เปี้ยนมวยสากลภาคตะวันออกไกลรวม 7 เส้น และได้ครองแชมป์คราวเดียวกันถึง 5 รุ่น หลังจากที่หาคู่ชกยากขึ้น อภิเดช ศิษย์หิรัญ จึงหันไปชกมวยสากลรุ่นเวลเตอร์เวท และได้แชมป์ทั้งเวทีราชดำเนินและเวทีลุมพินี จากนั้นก็ได้ขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติ กระทั่งอายุมากขึ้นจึงได้แขวนนวมและห่างหายไปจากวงการมวยหลายปีก่อนจะหวนกลับมาสู่วงการมวยไทยอีกครั้งด้วยการเป็นเทรนเนอร์ให้นักมวยค่าย"แฟร์เท็คซ์"และจังหวัดสมุทรสงครามได้เคยจัดงานยกย่องเชิดชูเกียรติเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังพร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม2548  ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น