ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพด หวานแปรรูปรายใหญ่ของประเทศ ภายใต้แบรนด์ “KC” เปิดเผยว่า ในปี 2562 ทาง บมจ.ซันสวีท ยังคงเดินหน้ารุกตลาดข้าวโพดหวานอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักคือ 1.การรุกช่องทางค้าปลีกเพิ่มขึ้น โดยเน้นกลุ่มอาหารพร้อมทาน 2. การขยายไลน์สินค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแช่เย็น และ 3.การสร้างนวัตกรรมอาหาร เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากภาพรวมของตลาดข้าวโพดหวานในปัจจุบันถือว่าความต้องการด้านอาหารของตลาดโลกยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดการส่งออกของบริษัทฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
"เรามีแผนในการหาลูกค้าใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มช่องค้าปลีกและเพิ่มสินค้าประเภทใหม่ จับกลุ่มวัยรุ่น และคนรักสุขภาพ รวมถึงกลุ่มอาหารพร้อมทาน" นายองอาจ กล่าว พร้อมระบุว่าในปีนี้ทางบริษัทฯมีการตั้งเป้ายอดขายเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1,800 ล้านบาท โดยในปี 2561 มูลค่าส่งออกไทยประมาณ 7,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ และมูลค่าส่งออกทั่วโลกประมาณ 45,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจุบันยอดขายหลักของบริษัทฯ มาจากต่างประเทศเป็นหลักคิดเป็นสัดส่วน 80% และอีก 20% มาจากในประเทศ
โดยลูกค้าหลักคือ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ซึ่งตลาดเหล่านี้ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศให้มากขึ้นจากเดิม 20 % ให้เพิ่มเป็น 30% ภายในปีนี้ หลังจากบริษัทฯได้พยายามสร้างแบรนด์ KC มานานกว่า 3 ปี และได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่า ยอดขายในประเทศจะเพิ่มขึ้นและในเร็วๆนี้เราจะมีสินค้าใหม่ เป็นมันหวาน วางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นด้วย
ทั้งนี้ตลาดการส่งออกยังคงเน้นไปที่กลุ่มลูกค้ารายเดิมเป็นหลัก และ มองว่าสงครามการค้าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย แต่กลับส่งผลดี เพราะมองเป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทฯได้ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกรณี Brexit ที่อังกฤษจะออกจากอียู ที่มองว่าเป็นโอกาสเช่นกัน เนื่องจาก อียูมีมาตรการป้องกันการค้า ถ้าประเทศอังกฤษออกมาจะทำให้การส่งออกไปยังประเทศอังกฤษดีขึ้น
"สงครามการค้าไม่ส่งผลเสียเลย ส่งผลดีด้วยซ้ำ สิ่งที่กระทบตอนนี้ คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกอย่างมาก" นายองอาจ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันทางบริษัทฯจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่กลุ่มลูกค้าซึ่งกระจายอยู่มากกว่า 60 ประเทศ แบ่งเป็นลูกค้าเก่าร้อยละ 95 และลูกค้าใหม่ร้อยละ 5 ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ล่วงหน้ามากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้การขยายตลาดมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบขยายฐานลูกค้าเก่า ควบคู่กับการมองหาตลาดใหม่ โดยมีการวางแผนขยายตลาดเพิ่มในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง AEC เนื่องจากศักยภาพของตลาดที่มีความต้องการข้าวโพดหวานในปริมาณมาก
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะมุ่งยกระดับการผลิตโดยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรให้มีความเหมาะสมกับปริมาณวัตถุดิบและออเดอร์ที่เข้ามา เพื่อให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าและรองรับลูกค้าใหม่ได้อย่างทั่วถึง โดยสายการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง ได้เพิ่มเครื่องจักร Color sorter หรือเครื่องคัดแยกด้วยสีที่ผิวของวัตถุ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อคัดแยกวัสดุที่มีสีแตกต่างกันออกจากกัน โดยใช้การถ่ายภาพและวิเคราะห์ภาพถ่าย (Image processing) เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่เก็บไว้ ส่วนสายการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตด้วยเช่นกัน เนื่องจากทางบริษัทฯมีแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น มันหวาน,ข้าวโพดหวาน 2 สี วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ,ฟักทองญี่ปุ่นสำหรับตลาดต่างประเทศ และมีการเพิ่มข้าวโพดแช่แข็งแบบทั้งฝัก และแบบหั่นท่อน สำหรับลูกค้าร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยการขายผ่านทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของบมจ.ซันสวีทได้ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการรับรองสากล เช่น มาตรฐาน British Retail Consortium (BRC) มาตรฐาน International Featured Standard (IFS) มาตรฐาน Hazard Analysis Critical Control Point (HACCP) ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจในคุณภาพและกรรมวิธีการผลิตที่ถูกต้องตามหลักวิธีการผลิตที่ดี (Goods Manufacturing Practices) นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญในการผลิตควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมตามนโยบายคุณภาพ ISO 14001:2004
****************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น