ตามที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรด้วยการลดต้นทุน ด้านปัจจัยการผลิตต่างๆ ทั้งค่าปุ๋ย ค่าสารกำจัดวัชพืช ค่าเช่าที่นา ค่าใช้รถเกี่ยวข้าว รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร โดยให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งหา มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องลดต้นทุนการผลิตดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจ สอบสวนกลาง ดำเนินการสืบสวนหาข่าว และติดตามจับกุมกลุ่มบุคคลที่เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรโดยเฉพาะกรณีจำหน่ายปุ๋ยเคมีและสารกำจัดวัชพืชปลอม ไม่ได้คุณภาพ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ซึ้งเป็นการหลอกลวงและเพิ่มต้นทุนการผลิต สร้างภาระหนี้ให้กับเกษตรกร
ต่อมาได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสาย470
ด่วน บก.ปคบ.๑๑๓๕ ว่ามีกลุ่มบุคคลนำปุ๋ยเคมีปลอมมาเร่ขายให้เกษตกรในพื้นที่ จ.สระแก้ว และพื้นที่ใกล้เคียง ในการนี้ พ.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.,ปคบ.,พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม, พ.ต.อ.อังกรู คล้ายคลึง,พ.ต.อ.สมชาย ทองศรี,พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคบ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผกก.๒ บก.ปคบ. ประสารงานกรมวิการการเกษตร โดย นายธีระ รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพื้ชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร มอบหมายให้ นายวุฒิ นิพลกิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรปราจีนบุรี พร้อมพวกร่วมออกสืบสวนกรณีสืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลนำปุ๋ยเคมีและสารกำจัดวัชพืชปลอมและไม่ได้คุณภาพมาจำหน่ายในพื้นที่ตะวันออก ในเขตพื้นที่ จ.สระแก้ว จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณทางแยกสระขวัญ พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยขับมาตามถนนสระแก้ว-จันทบุรี จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบพบปุ๋ยเคมีและผลิตภันฑ์สารกำจัดวัชพืชปลอมจึงขยายผลจับกุมรถยนต์กระบะที่เร่ขายอีกจำนวน ๖ คัน บริเวณ บ้านเลขที่ ๒๒๖ ถนนเทศบาล ๖ อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ซึ้งเป็นสถานที่เก็บปุ๋ยเคมีและผลิตภัณฑ์สารกำจัดวัชพืช โดยจับกุม นายทวีชัย ตาลปากดี กับพวกรวม ๓๕ คน พร้อมด้วย รถยนต์กระบะ จำนวน ๗ คัน ปุ๋ยเคมีและวัสดุการเกษตรสารกำจัดวัชพืช และอื่นๆ จำนวน ๑๔ รายการ (มูลค่าของกลาง ประมาณ ๔,๗๐๐,๐๐๐ บาทเศษ )
โดยกล่าวหาว่า ๑. ร่ามกันก่อให้เกิดความเข้าผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญ ประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา๔๗ (โทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน ปรับไม่เกิน ห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีทำผิดซ้ำ จำคุกไม่เกิน ๑ ปี ปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ )
๒. ร่วมกัน ผลิต เพื่อจำหน่าย ซึ้งวัตถุอันตรายชนิดที่ ๓ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๒๓,๗๓ ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.วัตถุอันตราย(ฉบับที่๓)พ.ศ.๒๕๕๑(โทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี ปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
๓. ร่ามกันผลิตปุ๋ยเคมีและจำหน่ายปุ๋ยเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๑๒,๕๗ ตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.๒๕๑๘ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปุ๋ย(ฉบับที่ ๒)พ.ศ.๒๕๕๐ (โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี ปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.กก.๒ บก.ปคบ.ดำเนินคดีต่อไป
เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั้นต่อการปฏิบัตงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอารัดเอาเปรียบเกษตรในการในการจำหน่ายปู๋ยเคมีและสารกำจัดวัชพืชปลอม ไม่ได้คุณภาพ จึงขอประชาสัมพันธ์ผลการปฏิบัติดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนทราบหากถูกเอารัดเอาเปรียบหรือพบเห้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปคบ. ทางสายด่วน ๑๑๓๕ หรือตู้ปณ ๔๕๙ ปณศ. สามเสนใน เขตพญาไท กทม.๑๐๔๐๐ หรือสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น