เยาวชนนักกีฬาจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้และประเทศมาเลเซีย กว่า 300 คนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเทควันโด ชิงถ้วยเกียรติยศจากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก
วันนี้ (30 ส.ค.57) ที่ลานเอนกประสงค์ เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้มีเยาวชนนักกีฬาเทควันโดจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.สงขลา รวมถึงจากประเทศมาเลเซีย กว่า 300 คน เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเทควันโด “สุไหงโก-ลก แชมป์เปี้ยนชิพ ใต้สุดแดนสยามโอเพ่นคัพ ครั้งที่ 6” ชิงถ้วยเกียรติยศจากนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก
โดยความร่วมมือของชมรมเทควันโดจังหวัดนราธิวาส ชมรมเทควันโดประเทศมาเลเซีย สมาคม หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ร่วมกันจัดขึ้น
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโดยมีนายเจษฎา จิตรัตน์ นายอำเภอสุไหงโก-ลก นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ตัวแทนส่วนราชการ ทีมนักกีฬาเทควันโด และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมในพิธีเปิด โอกาสนี้ได้มอบของที่ระลึกให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย
ด้านนายนายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปัจจุบันกีฬาเทควันโดเป็นที่นิยมสูง นอกจากเป็นกีฬาที่ให้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เยาวชนห่างไกลยาเสพติด และยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอสุไหงโก-ลกและจังหวัดนราธิวาส อีกทั้งเป็นนิมิตหมายอันดีที่กีฬาชนิดนี้จะได้รับความสนใจและขยายออกไปอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นด้วย
ทางด้านนายสุรินทร์ อบโอ ประธานชมรมกีฬาเทควันโดจังหวัดนราธิวาส เผย การแข่งขันในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเด็ก นักเรียน และเยาวชน นอกจากเป็นกีฬาที่ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกระดูกและข้อต่อต่างๆ ของร่างกายแล้ว ยังสามารถฝึกความคล่องแคล่วว่องไวของประสาทสัมผัส ฝึกสมาธิ ความมีระเบียบวินัยและความมีน้ำใจนักกีฬาด้วย อย่างไรก็ตามชมรมเทควันโดจังหวัดนราธิวาส จะยังคงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันกีฬาประเภทนี้ให้เป็นที่แพร่หลายและช่วยแก้ปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติดต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น