เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.ของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2555ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัฐพัส ยางงาม รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.นิยม สุ่ยวงษ์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน ร.ต.อ.รณเดช บุตรศรี สารวัตรเวรฯ เจ้าของคดี และตำรวจชุดสืบสวนอีกจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันนำตัวนายสาคร คำภาชาติ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน คำพาที อายุ 2 ขวบเศษ ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาในลักษณะผิดปกติ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเช่าของอาคารมันทนา ห้องที่ 11 เลขที่ 98/12 หมู่ที่ 11 ตำบลอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและเค้นสอบปากคำนายสาคร กับ นางสาวมณีนุช มณีรัตน์ แม่แท้ๆของน้องปลายฝน จนได้หลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้วว่านายสาครฯ เป็นคนที่ทำให้น้องปลายฝนถึงแก่ความตายซึ่งในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ภาพที่ออกมาทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านายสาครเป็นผู้ลงมือทำร้ายลูกด้วยวิธีการต่างๆ จนทำให้ร่างกายของเด็กเกิดอาการบอบช้ำสะสมจนถึงขั้นรุนแรง โดยมีทั้งเตะ จับหัวโขกกับหม้อข้าว หรือแม้แต่ก่อนหน้าที่เด็กหญิงปนัดดาหรือน้องปลายฝนจะเสียชีวิตเพียง 1 วันนั้น ก็ถูกนายสาครใช้เท้าเตะที่ก้นขณะกำลังนั่งดูโทรทัศน์ ส่วนในวันเกิดเหตุน้องปลายฝนได้นอนไม่สบายเพราะสภาพร่างกายที่บอบช้ำมานาน เมื่อนายสาครกลับมาจากทำงานด้วยการมึนเมาเห็นลูกนอนอยู่ก็เข้ามาเขย่าตัวลูกสาวแรง อีกทั้งยังมีการกระแทกตัวลงกับพื้นเนื่องจากเห็นว่าลูกไม่ขับถ่าย จากนั้นก็จับลูกเอาไปใส่ในถังน้ำที่ใช้สำหรับราดสิ่งปฏิกูลในห้องส้วมแล้วก็เขย่าอย่างแรง ก่อนที่จะยกตัวออกมาเตะที่ก้นลูกอีก 1 ที แล้วก็ส่งตัวเด็กหญิงปลายฝนไปให้กับนางมณีรัตน์เอาไปเลี้ยงดู ซึ่งเมื่อเด็กที่ร่างกายบอบช้ำภายในอยู่แล้วได้รับการกระทบกระเทือนซ้ำอีก จึงทำให้เกิดอาการชักเกร็ง เลือดออกในช่องท้อง และลำไส้เล็กฉีกขาด (ตามใบชันสูตรของแพทย์นิติเวช) จึงเสียชีวิตลงก่อนที่จะถึงมือแพทย์ของโรงพยาบาลกระทุ่มแบนในคืนวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ตามที่ได้เคยเสนอข่าวไปแล้ว ส่วนในเรื่องของร่องรอยต้องสงสัยที่เกิดตรงอวัยวะเพศของเด็กหญิงปนัดดานั้น ทางการแพทย์ก็ระบุว่า เด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน ไม่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ลักษณะผิดปกติที่พบเห็นว่าเกิดขึ้นตรงอวัยวะเพศของเด็ก ก็มาจากการที่เด็กเสียชีวิตลงแล้วทำให้รูทวารในร่างกายเปิดออก ซึ่งเป็นลักษณะปกติของผู้ที่เสียชีวิตทั่วไปขณะที่ทางด้านของนางสาวมณีนุช มณีรัตน์ ภรรยาของนายสาคร คำภาชาติ ผู้ต้องหา และเป็นแม่แท้ๆของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน คำภาชาติ ก็บอกว่า ตนเองเป็นคนคอยเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนอยู่กับห้อง ส่วนนายสาครจะเป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว โดยนายสาครนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์และชอบทำร้ายเมียกับลูก ยิ่งถ้าดื่มสุราเข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้นายสาครมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งทุกสิ่งที่นายสาครทำกับลูกสาวหรือน้องปลายฝนนั้น ตนก็เห็นตลอดไม่ว่าจะตี - เตะลูก จับลูกกระแทกกับพื้น กับถังน้ำ หรือจับหัวลูกโขกกับหม้อข้าว ซึ่งก็ได้พยายามเข้าไปห้ามทุกครั้งจนมีปากเสียงกันและตนเองก็จะถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย โดยทั้งนี้หลังจากที่เกิดเหตุจนลูกสาวเสียชีวิตลงนั้น เมื่อทางตำรวจสอบปากคำในครั้งแรก ตนเองไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าเมื่อกลับมาถึงห้องพักก็จะถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงอีก ส่วนทางด้านของน้องโบตั๋นอายุ 3 ขวบเศษ พี่สาวของน้องปลายฝนนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเคยเห็นพ่อทำร้ายน้องบ้างไหม น้องโบตั๋นก็บอกว่าเคย แล้วเมื่อถามว่าพ่อใช้อะไรทำร้ายน้องปลายฝน ทางด้านของน้องโบตั๋นก็พูดตามประสาเด็กว่า “ตีน” และเมื่อถามอีกว่าน้องโบตั๋นเคยถูกพ่อทำร้ายหรือไม่ น้องโบตั๋นก็พยักหน้าแต่ไม่ยอมพูดต่อว่าถูกทำร้ายด้วยอะไรทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสาคร คำภาชาติ ผู้ต้องหารายนี้ไปดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ขณะที่ตัวนายสาครเอง ก็พยายามที่จะให้ภรรยาติดต่อทางพ่อและแม่ของนายสาคร เพื่อหาทนายมาสู้คดีสำหรับในส่วนของศพเด็กหญิงปนัดดา คำภาชาติ หรือน้องปลายฝนนั้น ทางครอบครัวได้รับกลับมาจากสถาบันนิติเวชแล้ว พร้อมกับใบชันสูตรจากแพทย์ว่า สาเหตุที่ทำให้น้องปลายฝนเสียชีวิต ก็เนื่องจากมีเลือดออกในช่องท้อง ลำไส้เล็กเป็นแผลฉีกขาดออกจากกัน โดยทางแม่ของน้องปลายฝนคือ นางสาวมณีนุช มณีรัตน์ ก็จะได้นำศพน้องปลายฝนกลับไปสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดในจังหวัดศรีษะเกษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของครอบครัวนางสาวมณีนุชฯ และจะทำพิธีฌาปนกิจต่อไปและก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายสาคร คำภาชาติ ขึ้นรถเพื่อกลับไปคุมขังที่โรงพัก และฝากขังยังศาลจังหวัดสมุทรสาครต่อไปนั้น นายสาคร คำภาชาติ พ่อของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน ก็ได้พูดทิ้งท้ายสั้นๆว่า หากการที่ลูกตายเป็นเพราะพ่อ พ่อก็ขอโทษลูกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น