pearleus

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

“ขุดหาแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก”











กรมศิลปากรนำรถตักดินและกำลังคน ช่วยกันขุดหาแนวกำแพงของป้อมวิเชียรโชฎกในพื้นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งก็พบว่าถูกฝังอยู่ในดินลึกกว่า 2 เมตร
จากกรณีปัญหาการคัดค้าน การก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครสูง 7 ชั้น ในพื้นที่ราชพัสดุ ของกรมธนารักษ์ ที่ทางประชาคมจังหวัดสมุทรสาครได้ยื่นคัดค้านต่อ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาถึง 2 ครั้งแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงกว่าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งพื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวน่าจะเป็นเขตโบราณสถานของป้อมวิเชียรโชฎก ที่ทางจังหวัดสมุทรสาครกำลังฟื้นฟูอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งต่อมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้มีหนังสือทุเลาการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครไว้ก่อน เพื่อรอให้กรมศิลปากร เข้าตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตโบราณสถานหรือไม่นั้น
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ในวันนี้ทางกรมศิลปากร โดยการนำของนางสาวนารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี และเจ้าหน้าที่ ก็ได้รับอนุญาตจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้เข้าใช้พื้นที่ราชพัสดุสำหรับใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามโครงการขุดค้นเพื่อศึกษาทางโบราณคดี ในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน สค.36 ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ป้อมวิเชียรโชฎก
ซึ่งจากการขุดดินลึกลงไปประมาณ 23 เมตร ตามแนวเขตที่กรมศิลปากรได้วางไว้ เพราะจากหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่าเป็นแนวของกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกนั้น ก็ทำให้พบกับอิฐมอญซึ่งเป็นอิฐเก่าอันน่าจะเกิดจากอิฐที่นำมาทำกำแพงป้อม และเมื่อขุดห่างจากจุดแรกมาอีกประมาณ 1 เมตรในระยะความลึกใกล้เคียงกัน  ตรงนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเพราะเห็นเป็นแนวกำแพงป้อมฯ เก่า ทั้งรูปร่างลักษณะ ซึ่งบ่งบอกว่าตรงนี้เป็นพื้นที่โบราณสถานอย่างแน่นอน และไม่ใช่แนวสร้างใหม่ เพราะจากลักษณะของเนื้อดินทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเป็นดินเดิมที่ไม่ได้เกิดจากการนำมาถมใหม่ จนทำให้เนื้อดินเปลี่ยนแปลงไป
นางสาวนารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี บอกว่า หลังจากที่มีการขุดค้นจนพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มีแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญอยู่ในพื้นที่ของราชพัสดุ ที่กำลังจะมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครนั้น เบื้องต้นก็จะใช้กำลังคนในการขุดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการทำลายโบราณสถานอันเกิดจากเครื่องจักรกลหนัก พร้อมกันนี้ก็จะทำหนังสือแจ้งให้ทางสำนักงานอัยการและทางจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนประชาคมจังหวัดสมุทรสาครได้รับทราบ เพื่อประชุมหารือถึงการดำเนินการต่อไป ในเรื่องของการสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร เพราะโดยอำนาจของกรมศิลปากร ไม่สามารถยับยั้งการก่อสร้างได้ แต่โดยทั่วไปแล้วหากสถานที่ใดจะมาสร้างติดกับโบราณสถานนั้น จะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 20 เมตร เพื่อไม่ให้ไปละเมิดพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 7 (ทวิ) มาตรา 10 ว่าด้วยเรื่องของการก่อสร้างอาคารในเขตโบราณสถาน จะต้องขออนุญาตกรมศิลปากรเสียก่อน และการก่อสร้างต้องไม่ทำลาย หรือบดบังโบราณสถาน

ส่วนแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎกที่ถูกขุดพบว่า ฝังอยู่ในพื้นดินนั้น ก็จะมีแนวทางการดำเนินงานอยู่ 2 อย่างคือ 1.ขุดลงไปให้ลึกกว่าเดิม เพื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่านี่คือแนวกำแพงเก่าของป้อมวิเชียรโชฎก ให้คนได้มาศึกษาดู หรือวิธีที่ 2 คือ กลบแนวกำแพงเดิมไว้ แต่ทำป้ายหรือสัญลักษณ์บ่งบอกให้รู้ว่า พื้นที่ตรงนี้มีแนวกำแพงเก่าของป้อมวิเชียรโชฎกฝังอยู่ ซึ่งนับเป็นเขตโบราณสถานที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น