ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค.62 คุณสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจว่า การบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมการจับจ่ายที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคสื่อและคอนเทนต์ของสินค้าที่สะท้อนความเป็นตัวตนของตนเองก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญเท่าๆกับการสร้างคอนเทนต์ คือการสร้างโครงข่ายร้านค้าทั้ง online และ offline ให้พร้อมและครอบคลุมเพื่อรองรับการตัดสินใจที่เกิดได้ทุกที่ทุกเวลา
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จึงไม่หยุดลงทุนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตราสินค้าทั้ง 3 กลุ่มของบริษัทอันประกอบไปด้วย (1)กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนำโดยแบรนด์ ‘Mc Jeans’ เครื่องแต่งกาย Denim และ Non-denim และแบรนด์ ‘U-P’ (ยู-พี) เสื้อผ้าสไตล์ Sport casual (2) กลุ่ม Fashion Accessories โดยมีทั้งแบรนด์ Mc, U-P และแบรนด์นาฬิกาต่างๆของ ‘Timedeco’ และ (3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ Personal care โดยแบรนด์ ‘M&C’”
สำหรับแผนสินค้าใหม่ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้นำทัพโดยแบรนด์ ‘Mc Jeans’ ซึ่งนำเสนอสินค้ากว่าผ้าทอทั่วไป ครั้งหนึ่งผลิตได้จำนวนไม่มากและมีการเย็บริมขอบผ้าด้วยด้ายสี เพื่อให้ผ้ามีความทนทานคงคุณภาพยาวนานผสานกับความพรีเมียมของเนื้อผ้า ทำให้ยีนส์เซลเวจหรือริมสีเป็นสัญลักษณ์ของความพรีเมียมในวงการยีนส์ ซึ่งในตลาดโลกจัดจำหน่ายอยู่ในราคามากกว่า 3 พันบาท ในขณะที่เราจะเป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอยีนส์เซลเวจในราคาที่จับต้องได้ให้กับคนไทยในระดับราคาประมาณ 2 พันบาทภายใต้คอลเลคชั่น ‘Mc Selvedge’ ด้วยเนื้อผ้ายีนส์เซลเวจที่ใส่สบาย รูปทรงได้รับการดีไซน์ให้มีความเหมาะสมกับสรีระของคนเอเซีย ใส่แล้วสวยและเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้านดีไซน์ด้วยการปักคำว่า Mc Jeans Selvedge Series (แม็คยีนส์ เซลเวจ ซีรี่ส์) ที่กระเป๋าลับใส่เหรียญซึ่งมีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น ซึ่งแต่ละโมเดลในซีรีส์นี้ได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดตลอดปี 2562 และจะเป็นยีนส์อีกรุ่นจาก Mc ที่ผู้ชื่นชอบยีนส์ต้องมี
พร้อมกันนี้ยังมีแบรนด์น้องใหม่ ‘U-P’(ยู-พี) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตกับหลากหลายกิจกรรม เตรียมปล่อยคอลเลคชั่นใหม่แนว Monochrome และ Pastel เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัว Sport casual ที่คุมโทนแบบสีเดียวทั้งลุค หรือคนที่ชอบโทนสีพาสเทลที่ดูสดใส สบายตา โดยคอลเลคชั่นใหม่ๆที่กล่าวมาข้างต้นนั้น บริษัทได้วางเป้าการขายไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท
คุณสมชัย สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย กล่าวเสริมว่า ทิศทางการตลาดและการขายในปีนี้ นอกจากสินค้าใหม่ที่เป็นไฮไลท์แล้วทางบริษัทยังมีการวางแผนการออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ที่มีความหลากหลาย ดีไซน์ทันสมัยไม่หวือหวาเพื่อให้สวมใส่ได้ทุกวันและสามารถนำมา Mix&Match ได้ง่าย รวมถึงคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆที่สร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้ทาง Mc ได้มีโปรเจ็กต์ Mc X คือการ Collaboration กับศิลปินหรือผู้ที่มีชื่อเสียงโดยเราได้เริ่มโปรเจ็กต์แรกกับสองพี่น้องจินดาโชติ คุณพลอย และ คุณฌอห์น จินดาโชติ ซึ่งได้นำเสนอ
คอลเลคชั่น ‘Black Valentines by Mc X Jindachot’ ต้อนรับเดือนแห่งความรักที่นำเสนอมุมมองเรื่องราวในรูปแบบต่างๆที่น่าสนใจ ซึ่งพลอยและฌอห์นได้วางคอนเซ็ปต์รวมถึงการ prove แบบเองอีกด้วย โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 มกราคมนี้ ในช่องทาง mcshop.com
อย่างไรก็ตามบริษัทได้วางแผนกิจกรรมทางการตลาดและการสื่อสารรูปแบบใหม่ทั้ง Offline และ Online โดยยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ ภาพลักษณ์และคอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยง่ายและตรงกับความต้องการมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ‘my Mc my best look’ ต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา และสินค้า ‘U-P’ ที่เปิดตัวด้วยพรีเซ็นเตอร์ ดีเจพุฒ – พุฒิชัย เกษตรสิน ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้ U-P จะเริ่มรุกตลาดด้วยการออกคอลชั่นใหม่ๆ และเน้นการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ผ่านช่องทาง Online , Social media และ การสื่อสาร ณ จุดขาย รวมถึงการเพิ่มจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างต่อเนื่อง
คุณบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชีและผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อธิบายว่า ในส่วนกลยุทธ์ Omni channel ที่เป็นการเชื่อมต่อทุกช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น แม็คกรุ๊ปได้เปิดจุดขายเพิ่มกว่า 30 จุดจากปีที่แล้วที่มีอยู่ 894 จุดมาอยู่ที่ 927 จุดและคาดว่าจะถึง 1,000 จุดภายในสองปีข้างหน้า และได้ลงทุนเปิดจุดขายเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านร้านค้า ‘mcmc Outlet Store’ ที่มีการเพิ่มจุดจำหน่ายภายในและภายนอกปั๊มน้ำมันปตท. ตลอดจนการพัฒนาช่องทาง Online marketplace คือ ‘mcshop.com’ โดยเพิ่มการสรรหาสินค้าภายใต้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของพันธมิตรรายอื่นๆที่เป็นที่นิยมของคนไทยเข้ามานำเสนอต่อฐานลูกค้าหลายล้านคนของแม็คกรุ๊ป ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เข้าลงทุนใน ‘Mcmillion’ ซึ่งเป็นผู้บริหารคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ E-commerce เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวและลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้สั้นที่สุด
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มฐานสมาชิก MC Club ซึ่งในขณะนี้มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 650,000 คนและคาดว่าจะถึง 1 ล้านคนภายในหนึ่งปี โดยในไตรมาสนี้จะเริ่มนำ Mobile Application เข้ามาใช้งานเพื่อให้สามารถสื่อสารและนำเสนอ campaign ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างต่อเนื่องตลอดจนเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้บริษัทยังสร้างการ engagement ผ่านการ Micro และ Nano influencers หลากหลายไลฟ์สไตล์ โดยมีการจัดทำเวิรค์ช้อปเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะการถ่ายทอดเรื่องราวไลฟ์สไตล์ต่างๆไปสู่กลุ่มลูกค้าผ่านสื่อดิจิตอลในรูปแบบต่างๆ
คุณบัณฑิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางบริษัทฯเพิ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท เพื่อมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์และการขยายฐานลูกค้าใหม่สำหรับปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มจากค่าใช้จ่ายงบประมาณการตลาดที่ทำผ่านจุดจำหน่ายต่างๆในรูปแบบ Gift with Purchase กิจกรรมร่วมสนุกและส่วนลดพิเศษ รวมกว่า 200 ล้านบาทต่อปี
*********************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น