pearleus

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะลงพื้นที่จังหวัดพะเยาและเชียงรายติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายและการพัฒนาพื้นที่ชายแดน

เมื่อ 4  มี.ค.  59 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดพะเยา   และเชียงราย โดยในช่วงเช้าได้เดินทางไปยังโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพะเยาซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา   เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดินแปลงใหม่ให้แก่ประชาชน จำนวน 19 ราย ที่ได้เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินของกรมโยธาธิการ   และผังเมือง  
          จากนั้นเวลา 13.20 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม จุดผ่อนปรน บ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา” ที่ตั้งอยู่บริเวณตรงข้าม กับ ด่านท้องถิ่นปางมอน เมืองคอบ แขวงไซยะบุลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนที่มีความสำคัญด้านการค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น     ให้กับประชาชนจังหวัดพะเยากับประชาชนของเขตเมืองคอบ เมืองเชียงฮ่อน เมืองหงสา แขวงไซยะบุลี สปป.ลาว เปิดเข้า ออกทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00  18.00 น. โดยกระทรวงมหาดไทยและจังหวัดพะเยาได้สนับสนุนให้มีการยกระดับจุดผ่อนปรน บ้านฮวกเป็น “จุดผ่านแดนถาวรมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการเตรียมความพร้อมในหลายๆด้าน ทั้งการพัฒนาตัวด่าน           การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดทำผังพื้นที่เฉพาะในชุมชนบ้านฮวก ซึ่งปัจจุบันหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อก่อสร้างด่านพรมแดนบ้านฮวกภายในปี 2559 เพื่อให้ทันต่อการสร้างด่านพรมแดนปางมอน เมืองคอบ แขวงไซยะบุลี ขณะนี้ สปป.ลาว อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี2559 ทั้งนี้ การยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวกเป็น จุดผ่านแดนถาวรจะทำให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งการขยายตัวด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงทั้ง สปป.ลาว จีนตอนใต้ และเวียดนาม ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนา     ให้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว การค้าการลงทุน การขนส่ง อีกทั้งเป็นการสนับสนุนโครงการจัดตั้งวงกลมเศรษฐกิจจังหวัดพะเยา - จังหวัดน่าน - แขวงไซยะบุลี - หลวงพระบาง แขวงอุดมไชย ให้เกิดเป็นรูปธรรม
          เวลา 15.00 น. คณะได้เดินทางไปตรวจพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย        เพื่อติดตามความก้าวหน้าดำเนินงานในพื้นที่ โดยได้รับฟังบรรยายสรุปรายงานความก้าวหน้าในการจัดหาพื้นที่ของรัฐมาใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ได้มีประกาศ กนพ. ที่ 2/2558 กำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 ในท้องที่รวม 3 อำเภอ21 ตำบล       คือ อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงของ และอำเภอเชียงแสน ซึ่ง กนพ. เห็นชอบข้อเสนอแปลงที่ดินที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย ดังนี้ 1. อำเภอแม่สาย ขอใช้ที่ราชพัสดุตำบลโป่งผา เนื้อที่ 720 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน มีระยะทางห่างจากด่านชายแดนแม่สาย ประมาณ 6 กิโลเมตร หน่วยงานใช้ประโยชน์ คือ โรงงานยาสูบ โดยกรมธนารักษ์  อยู่ระหว่างประสานทำความตกลงกับโรงงานยาสูบในการขอคืนพื้นที่หรือแลกเปลี่ยนกับพื้นที่อื่น 2. อำเภอเชียงของ ขอใช้ ที่สาธารณประโยชน์ ที่เลี้ยงสัตว์บ้านทุ่งงิ้วตำบลสถาน เนื้อที่ประมาณ 530 ไร่ สภาพพื้นที่เป็นที่รกร้างอยู่ติดแม่น้ำอิง  ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 4 ประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีหมู่บ้านที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 หมู่บ้าน ซึ่งจากการประชุมร่วมกับผู้นำหมู่บ้านและราษฎรในพื้นที่ เห็นด้วยกับการนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเมื่อดำเนินการเรื่องจัดหาพื้นที่เรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปจะประกาศถอนสภาพพื้นที่เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการต่อไป
            3. อำเภอเชียงแสน ขอใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ตำบลบ้านแซว อยู่บริเวณด้านหน้าของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 651 ไร่ สภาพปัจจุบันเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งที่ผ่านมาอำเภอเชียงแสนได้ประชุมร่วมกับราษฎรในพื้นที่ ในเบื้องต้นได้มีข้อเสนอให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่แปลงที่ 2 ใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อราษฎรในพื้นที่ ขณะนี้ สปก. กำลังดำเนินการสำรวจข้อมูลพื้นที่และหลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎร เพื่อเสนอคณะทำงานระดับจังหวัดพิจารณา จากนั้นจะได้แจ้งการปรับเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการด้านการจัดที่ดินฯ   เพื่อพิจารณาต่อไป จากนั้น ได้รับฟังการบรรยายสรุปโครงการตามนโยบายของรัฐบาลมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลและพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ที่มาต้อนรับ
   เวลา 18.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะได้เดินทางถึงห้องประชุมฉำฉา โรงแรม  เลอเมอริเดียนเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตภาคเหนือ จังหวัด (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก) อธิบดี และผู้บริหารระดับสูงของ กระทรวงมหาดไทย  โดยย้ำว่ารัฐบาลมีความมุ่งหวังที่จะใช้กลไกของส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการจังหวัดในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน สำหรับการพัฒนาในพื้นที่ขอให้ยึดยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่างๆ เชื่อมโยงแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ต้องมีการทำงานอย่างบูรณาการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่งโครงการต่างๆ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอให้ดูด้วยว่าเป็นไปตามความต้องการของตลาดหรือไม่ ต้องดู Demand และ Supply และยึดหลักให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญจึงต้องมีแผนพัฒนาจังหวัด หรือยุทธศาสตร์ที่ดีส่งเสริมศักยภาพของพื้นที่ รวมถึงเศรษฐกิจพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์OTOP ให้ยกระดับให้มีคุณภาพมาตรฐานและมีอัตลักษณ์ของความเป็นไทย
     เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดิน เช่น ปัญหาการบุกรุกที่ดิน ปัญหาข้อพิพาทจากการออกโฉนดที่ดินขอให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลอย่างใกล้ชิดช่วยกันระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดทั้งทางเทคนิคและปัญหาการทุจริตดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และขอดูแลเรื่องสัญชาติของชาวเขาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยทุกคน  สำหรับการแก้ไขปัญหาหมอกควันที่มีสาเหตุสำคัญมาจากการเผาวัชพืชและวัสดุการเกษตร ขอให้เน้นการป้องกันก่อนเกิดเหตุเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ต้องระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิดและมีความพร้อมหากเกิดเหตุ รวมทั้งการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการลดการเผาตลอดช่วงวิกฤต

   สุดท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ย้ำถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ผ่านโครงการ/มาตรการต่าง ๆ โดยขอให้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เม็ดเงินลงไปในพื้นที่   เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งในครั้งนี้ไปให้ได้ และเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้รับจัดสรร ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งดำเนินงานทุกมาตรการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น