pearleus

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จากหมายเปิดผนึก จากนสพ.ชี้ชัดเจาะลึก ถึง นายสิทธิ์ชัย (ตี๋) แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ด้วยเนื่องเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันอันเนื่องมาจากคอลัมน์พาลทะเล ทางกองบรรณาธิการได้นำมาลงไว้เพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งรายละเอียดของความไม่เข้าใจกันเป็นอย่างไรนั้น จะได้กล่าวในรายละเอียดข้างล่างนี้ ก่อนอื่นกระผมนายมานพเทียนมณี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกต้องขอขอบคุณทั้งขอบใจนายสิทธิ์ชัย (ตี๋) แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ที่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ตอนประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านแพ้ว ช่วงเช้า นายสิทธิ์ชัย ได้กล่าวขอบคุณสื่อที่มาร่วมทำข่าวให้กับอำเภอบ้านแพ้ว พร้อมพูดออกไมล์ว่าตนเองให้เกียรติ์ผู้สื่อข่าวเสมอ เมื่อผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวประชุมซักพักได้แยกย้ายกันไปหาข่าวต่อที่อื่น ซึ่งเรื่องมันน่าจะจบและไม่มีอะไรมากไปกว่าการประชุมกำนันผู้ให้บ้านแบบทั่วไป..แต่ก็ปรากฏว่านายสิทธิ์ชัย ได้กลับขึ้นไปคว้าไมล์พร้อมพูดกล่าวร้ายผมมานพ เทียนมณี บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกด้วยหลายเรื่อง แต่ผมไม่ขอเอ่ยถึงว่าเรื่องอะไรบ้างนั้นมันสุดแท้แต่สติปัญญา และมันสมองของนายสิทธิ์ชัยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.หลักสองที่จะกล่าวว่าร้ายผม พร้อมกับแสดงความไม่พอใจในเนื้อหาคอลัมน์ที่ระบุให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่จะมีการรับมอบหรือขอใบอนุญาตพกอาวุธปืน ผมจึงจำเป็นต้องอาศัยพื้นที่ตรงนี้ชี้แจงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนี้ จากการที่ คอลัมน์ตบกะโหลกเขาเขียนกระตุกหนวดกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งทำให้นายสิทธิ์ชัย คิดว่าเป็นการพาดพิงถึงตัวเอง ทางกองบรรณาธิการจึงขอแนะนำให้ทางนายสิทธิ์ชัย กลับไปอ่านอีกครั้งว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นหมายถึงตัวเองหรืออย่างไร โปรดใช้ตามองใช้สมองคิดแล้วอ่านใหม่อีกรอบ กล่าวทวนอีกครั้งก็ได้ว่า เนื้อหาระบุว่า ..........สมุทรสาครบ้านเรามีเรื่องราวให้เขียนถึงมากมาย ดีก็ต้องเขียนชื่นชม แต่ถ้าแย่ก็ต้องติติง กระตุกกันบ้าง ซึ่งล่าสุดมีเรื่องที่อยากตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม เรื่องมันเริ่มอย่างนี้ครับ คือ เมื่อครั้งการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอบ้านแพ้ว วันหนึ่งซึ่ง ได้จัดขึ้นที่ศาลาประชาคมอำเภอบ้านแพ้ว การประชุมครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากมาย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญที่ประธานในที่ประชุมแจ้งกับบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลาย ว่าการอนุญาตพาและใช้อาวุธปืนของพนักงานฝ่ายปกครองนั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีนโยบายออกหนังสือใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนให้แก่กำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อปฏิบัติหน้าที่และช่วยเหลืองานราชการ หากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่มีความประสงค์ขอพาและใช้อาวุธปืนในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ยื่นคำขอมีหนังสือรับรองการพาและใช้อาวุธปืน ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะพิจารณา ใบอนุญาตภายในเขตจังหวัด แบบ ป.12 ให้กับผู้ขอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กำนันผู้ใหญ่บ้านที่ขออนุญาตพกพาอาวุธปืนแล้วจะต้องนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็สามารถโดนระงับทันทีเรื่องนี้ต้องมองให้ลึกและแยบยลเสียหน่อย ประเด็นแรกคือ เหมาะสมขนาดไหนที่จะแจกใบอนุญาตพกปืนกับกำนันผู้ใหญ่บ้านกันง่าย ๆ โดยไม่มีการสืบประวัติ อุปนิสัย รวมไปถึงสันดาน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดของผมคงไม่รู้ว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านบางคน ของสมุทรสาครนั้นแสบสันต์ แพรวพราวเพียงใด หลายคนเป็นนักเลงเก่า ในขณะที่บางคนก็ยังคงเป็นนักเลงอยู่ ไม่เถียงครับว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายต้องมีอาวุธในการป้องปรามและปราบปรามคนร้ายในหมู่บ้าน แต่ถ้าพิจารณาคิดว่าน่าจะเป็นราย ๆ ไป แล้วอีกอย่างว่ากันตรง ๆ แต่ละคนก็มีปืนกันอยู่คนละหลายกระบอกแล้ว เถื่อนบ้าง ถูกกฎหมายบ้าง คงไม่มีความจำเป็นต้องให้ใบอนุญาตอะไรกันอีกแล้ว ไป ๆ มา ๆ กลับจะเป็นเรื่องส่งเสริมให้มีการใช้อาวุธปืนในการแก้ปัญหาเสียด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างยุคสมัยนี้เขาก็มีฝ่ายตำรวจดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เผลอ ๆ อนุญาตไปแล้ว ปืนไปอยู่ในมือลูกหลาน แอบเอาไปยิงฉลองงานบวชหรือวันเกิด หนักหน่อยก็เอาไปยิงคู่อริ เสียเลือดเสียเนื้อกันเข้าไปใหญ่ โปรดเข้าใจให้ตรงประเด็นด้วยว่าที่ติติงไม่ใช่ห้ามปราม แต่ควรละเอียดละออในการอนุญาต ตรวจสอบประวัติให้ละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงมาตรการลงโทษอย่างหนักในกรณีที่ใช้ปืนผิดวัตถุประสงค์อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ตรงไหนครับที่ระบุว่าผู้ใหญ่บ้านคนนั้นคือ นายสิทธิ์ชัย ถ้าอ่านให้ละเอียดและมีสติปัญญาพอก็จะรู้ได้ทันทีคือการเขียนท้วงติงให้มีความละเอียดในการพิจารณาการอนุญาตพกพาอาวุธ และที่นายสิทธิ์ชัย อ้างว่าสื่อมวลชนใหญ่มาจากไหนถึงมาสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผมก็จะขอชี้แจงว่า ที่นายสิทธิ์ชัย เข้าใจว่าสื่อมวลชนสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะนี้คือ การเขียนชี้แนะการทำงาน ในฐานะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานในทางสาธารณะ ซึ่งต้องฟังเสียงสะท้อนของทุกฝ่าย ซึ่งก็รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ดังนั้นแล้ว การที่บอกว่าสั่งจึงเป็นการดูถูกสติปัญญาของตนเองที่มองเรื่องนี้ไม่ออก........อีกเรื่องหนึ่งนายสิทธิ์ชัย ต้องพึงสังวรไว้ด้วยว่า แม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ก็เป็นในทางนิตินัย หากแต่ในทางพฤตินัยแล้ว บรรดากำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านล้วนเป็นลูกจ้างของประชาชน เพราะต่างก็มีมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งสามารถถูกตรวจสอบการทำงานได้ ตลอดจนพฤติกรรมต่าง ๆ ได้โดยสื่อมวลชนที่เป็นเสมือนตัวแทนจากประชาชน......สำหรับเรื่องต่อมาที่มีการพาดพิงในคอลัมน์ โดยเฉพาะการเมืองช่วงนี้ที่สนุกสนานด้วยฝีมือกำนันสุเทพ แห่งประชาธิปัตย์ โดยเนื้อหาระบุว่า มีผู้ใหญ่บ้าน ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร รายหนึ่งประกาศต่อหน้ากำนันผู้ใหญ่ อ.บ้านแพ้ว ในวันประชุมกำนันผู้ใหญ่ ครั้งหนึ่ง..ว่าถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล กำนันจะได้เงินเดือน 25,000บ. ผู้ใหญ่บ้านได้ 20,000 บ. พูดเล่นหรือจริงไม่รู้ รู้แต่ว่าที่เป็นผู้บังคับบัญชาผู้ใหญ่กร่างคนนี้ คงต้องตักเตือนให้อยู่ในรูปรอย สักหน่อย การออกมาหาเสียงให้ฝ่ายการเมืองล่วงหน้าอย่างนี้ เหมาะสมหรือไม่สำหรับคนที่เป็นฝ่ายราชการ ที่ต้องธำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง การเอาตัวเองไปผูกมัดกับฝ่ายการเมือง ถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องแยกแยะจากผลประโยชน์ของส่วนรวม........นี้คือข้อความจากฉบับที่แล้ว ซึ่งไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านคนไหน แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็จะบอกให้ว่า ผู้ใหญ่บ้านคนนั้น ก็คือ นายสิทธิ์ชัย แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นั่นเอง ซึ่งคำพูดแบบนี้สมควรพูดหรือไม่ในที่ประชุมโดยมีผู้สื่อข่าวรวมฟังอยู่ด้วย...ถ้าคิดว่าเป็นการหมิ่นประมาท ผมแนะนำให้ยื่นฟ้องศาลได้ทันที ซึ่งผมก็จะใช้วิธีทางกฎหมายตอบโต้เช่นกัน ซึ่งก็รวมถึงการตรวจสอบพฤติกรรมในการทำงานของนายสิทธิ์ชัย อย่างเข้มข้นทุกระดับ และที่สำคัญผมจะนำเนื้อหาในคอลัมน์นี้ส่งตรงถึง คสช. เพื่อพิจารณาแนวคิดและการทำหน้าที่ของนาย สิทธิ์ชัย แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเหมาะสมหรือไม่ในฐานะคนของราชการที่ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น