ในปีพุทธศักราช
2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้ง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด
เมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2456 จดทะเบียน: 8 ธันวาคม พ.ศ. 2456 (
99ปี)
ด้วยพระราชประสงค์ที่จะให้ประเทศไทยผลิตปูนซีเมนต์ใช้เอง
ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
และเพื่อจัดสรรการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างคุ้มค่า บริษัทปูนซิเมนต์ไทย
ได้มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องตลอดมา ตามสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
จนเป็น “เครือซิเมนต์ไทย”(SCG) กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมที่มีประวัติยาวนานที่สุด
และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด
(มหาชน) หรือ เครือซิเมนต์ไทย (อังกฤษ: Siam Cement Group ชื่อย่อ: SCG) หรือที่นิยมเรียกว่า "ปูนใหญ่"
ปัจจุบันใช้ชื่อเรียกทั้งกลุ่มธุรกิจว่า "เอสซีจี"
เริ่มดำเนินการครั้งแรกเป็นผู้ผลิตปูนซิเมนต์และต่อมาได้มีการขยายกิจการไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น
ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กระดาษ โลหะ เครื่องจักรกล ปิโตรเคมี ธุจกิจจัดจำหน่าย เป็นต้น
มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประมาณ 30% ที่เหลืออีก 70%
ถือหุ้น โดยนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน ปัจจุบัน SCG มีบริษัทสำคัญกว่า 100
บริษัท มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 28,000 คน
ผลิตสินค้ากว่า 64,000 รายการ
เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก แต่เดิม SCG ดำเนินธุรกิจอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม แต่หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย
พ.ศ. 2540 SCG ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารและการดำเนินธุรกิจขนานใหญ่
จนกระทั่งในปัจจุบัน SCG คงเหลือไว้ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่สำคัญ 6
กลุ่ม ได้แก่ ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ปิโตรเคมี กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจจัดจำหน่าย และธุรกิจการลงทุน แนวทางในการดำเนินธุรกิจของ SCG นั้นประกอบด้วย 4 สิ่ง
คือ "ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ เชื่อมั่นในคุณค่าของคน
ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม"
ซึ่งยึดถือเป็นแนวปฏิบัติของพนักงานทุกคนไล่มาตั้งแต่ระดับคณะจัดการ
จนกระทั่งถึงพนักงานทุกระดับ วิสัยทัศน์เอสซีจี คนของเรา...
รวมพลังสร้างอนาคต“วิสัยทัศน์ของเครือซิเมนต์ไทย (SCG) คือ ภายในปี
พ.ศ. 2558 SCG จะเป็นองค์กรที่ได้รับการยกย่องในฐานะเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่น่าร่วมงานด้วย
และเป็นแบบอย่างด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี พ.ศ. 2558 SCGจะเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนให้แก่อาเซียน
และชุมชนที่เข้าไปดำเนินงาน มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน
และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายภายใต้คุณภาพการบริหารงานระดับโลก
สอดคล้องกับหลักบรรษัทภิบาล และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงอีกทั้งยังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน
ด้วยสินค้าและบริการ ที่มีคุณภาพจากกระบวนการดำเนินงาน การพัฒนาเทคโนโลยี
และการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความเป็นเลิศSCG เชื่อมั่นในคุณค่าและศักยภาพของพนักงาน
ซึ่งจะทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ในบรรยากาศการทำงานที่เปิดเผยโปร่งใส
เปี่ยมด้วยพลังแห่งความกระตือรือล้น
โดยพนักงานของเราทุกคนจะยึดมั่นและปฏิบัติตามอุดมการณ์ 4 และจรรยาบรรณของ
SCG ภายในปี พ.ศ. 2558 SCG จะพัฒนาพนักงานซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ
วัฒนธรรม และประสบการณ์ให้มีความมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้า
มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล...”
คนของเรา... เติบโตไปพร้อมกัน การพัฒนาคนของเราเป็นนโยบายที่ SCG
ให้ความสำคัญมาตลอดโดยมุ่งเสริมทั้งความรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการทำงาน
และความรู้ที่จำเป็นต่อการเพิ่มมุมมองด้านต่างๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นนอกจากนี้
SCG ยังเชื่อว่าคุณภาพชีวิตที่ดีจะนำมาซึ่งผลงานที่มีประสิทธิภาพ
จึงให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ทำให้คนของเรามีความสุขในการทำงานเพิ่มขึ้น อาทิ
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้สะดวก สร้างความสุขและทันสมัย รณรงค์ความปลอดภัยในการทำงาน
สนับสนุนกิจกรรมตามความสนใจเฉพาะด้านและกิจกรรมสร้างความอบอุ่นในครอบครัวของพนักงาน
ดูแลสุขภาพพลานามัย ให้แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นเสมอในทุกประเทศให้อยู่ในระดับเดียวกับองค์กรชั้นนำ
เพื่อจูงใจให้คนเก่งและคนดีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเราSCG เชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนให้เข้มแข็ง
ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถ ดูแลคุณภาพชีวิต และสร้างความรักผูกพันกับองค์กร
จะส่งเสริมให้คนของเราเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา SCG ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งคนและองค์กรเติบโตไปพร้อมกันอย่างมั่นคง
และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นและสังคมในระยะยาว
มุมมองที่มีต่อ SCG เป็นบริษัทที่ได้รับการยกย่องในฐานะผู้รังสรรค์นวตกรรมใหม่
ทั้งยังเป็นแบบอย่างในด้านการบริหารแบบธรรมาภิบาล ที่เน้นการบริหารงานควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีความสามารถที่เหนือขีดจำกัด
ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทแห่งนี้ได้รับการยอมรับจากสังคม
จนถูกนำมาเป็นกรณีศึกษาหลายครั้ง ทั้งในระดับภาครัฐและเอกชน ตลอดจนมหาวิทยาลัย เป็นบริษัทที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในส่วนของบริษัทเอง
และชุมชนที่บริษัทเข้าไปดำเนินกิจการ
มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม
ให้เจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป เป็นบริษัทที่มีการพัฒนาทางด้านสินค้าและบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพ
สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง เป็นบริษัทที่มีการเคลื่อนไหวที่สอดรับกับสภาพการปัจจุบัน
สนองความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรอบด้าน เป็นบริษัทที่มีการบริหารงานอย่างโปร่งใส่ เป็นธรรม และมีคุณธรรม เป็นบริษัทที่ขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศไทยสู่ประชาคมอาเซียน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น