เปิดตัวแคมเปญ “เก่งให้สุด...อย่าหยุดเก่ง” รองเท้าแฟชั่น และ รองเท้านักเรียน
ซีรีส์ “KENG” พร้อมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรก เก่ง -ธชย ตั้งเป้าเติบโตทั้งกลุ่มปริษัท 10% และคาดหวังยอดขายรุ่นเก่ง 120,000 คู่ในปีนี้ พร้อมดันโกลด์ซิตี้ขึ้นเป็นผู้นำตลาดรองเท้าในไทย
โกลด์ซิตี้ ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าครบวงจร เปิดตัวคอลเล็กชั่นรองเท้าซีรีส์ KENG ใหม่ 2 รุ่น ให้เป็นรองเท้าแฟชั่น และรองเท้านักเรียนระดับพรีเมียม พร้อมเปิดตัว แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เก่ง ธชย นักร้อง ไอดอลของเด็กรุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถสร้างฝันของตัวเองสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “รองเท้าเก่ง” เก่งให้สุด…อย่าหยุดเก่ง พร้อมทุ่มงบกว่า 25 ล้านบาทจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ตั้งเป้าทั้งกลุ่มบริษัทเติบโต 10 % และคาดหวังยอดขายรองเท้ารุ่นเก่ง 120,000 คู่ในปีนี้ พร้อมดันแบรนด์โกลด์ซิตี้ครองแชมป์อันดับหนึ่งในตลาดผู้นำรองเท้า
นายสุรศักดิ์ จินาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท โกลด์ซิตี้ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รองเท้าครบวงจร ภายใต้ Brand GoldCity, Fast, Chang, GC, Gold Sport เป็นต้น ก่อตั้งมากว่า 67 ปี ภายใต้แรงบันดาลใจที่อยากเห็นคนไทยทุกคนมีโอกาสใส่รองเท้าที่มีคุณภาพดี สวมใส่สบาย ทนทาน มีคุณภาพราคาสมเหตุสมผล และซื้อได้ง่าย บริษัทฯ ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าชั้นนำทุกชนิด โดยแบ่งการผลิตออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. รับผลิตให้แบรนด์ดังหรือหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ 2. รับออกแบบและผลิตสินค้าให้บริษัทที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตัวเอง 3. การทำแบรนด์ของตนเอง โดยการผลิตในส่วน ข้อ 1-2 มียอดการผลิตโดยรวมกว่า 6 ล้านคู่ต่อปี และในส่วนแบรนด์ของบริษัทฯ หรือ OBM มีสัดส่วนการผลิตมากสุดคือรองเท้านักเรียนที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25% จัดเป็นอันดับที่ 3 ของตลาดรองเท้า มียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านคู่ หรือคิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 33% เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่และส่งเสริมการขายในทุกช่องทาง และทำกิจกรรมสื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการตลาดตลอดทั้งปี
ด้วยความโดดเด่นของแบรนด์โกลด์ซิตี้ สะท้อนด้านความเป็นแบรนด์ได้ครบเครื่องทั้งของผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ที่ให้บริการตอบสนองผู้บริโภคครบทุกเซ็กเม้นต์ แสดงให้เห็นถึงความเป็นแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการออกแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างไม่หยุดนิ่ง ตามสโลแกน “สายลุย…ไม่คุยให้เสียเวลา บริษัทฯ จึงได้ทำการเลือก เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ คนแรกของสินค้า เหตุที่เลือกเก่ง-ธชย เนื่องจากเป็นคนที่มีความสุขในการพัฒนาตนเอง ไม่หยุดนิ่ง พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ และต้องการสื่อสารความเป็นไทยให้ทั่วโลกรู้จักเหมือนกับแบรนด์โกลด์ซิตี้
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของโกลด์ซิตี้ เป็นกลุ่มนักเรียนที่มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 13-17 ปี และรองลงมา ได้แก่ กลุ่มผู้ปกครองที่มีลูกเริ่มเข้าเรียน ตั้งแต่อนุบาลถึงประถมศึกษา บริษัทฯ จึงมีแผนการทำการตลาดให้เข้มข้นขึ้นทั้งในกลุ่มเดิม และขยายการรับรู้ไปยังลูกค้าในกลุ่มอื่นให้มากขึ้น แต่ยังคงโฟกัสที่กลุ่มนักเรียนพร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้านอื่นๆ เช่น กีฬา การท่องเที่ยว แฟชั่น เป็นต้น และเริ่มเข้าไปจับตลาดกลุ่มนักศึกษาและกลุ่มวัยเริ่มทำงาน นอกจากนี้ กลุ่ม Activist หรือนักกิจกรรมที่รักษ์สุขภาพ มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมากในอนาคต
นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการตลาดบริษัทฯ มุ่งเน้นด้านการขยายตลาด-สินค้า โดยหาช่องว่างของตลาดที่ยังสามารถพัฒนายอดขายจากสินค้าเดิมไปยังอีกช่องทางได้ โดยเพิ่มสัดส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรด อย่างโรบินสัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีสาขา อยู่ที่ สมุทรปราการ อุดรธานี พิษณุโลก สุรินทร์ และมีวางจำหน่ายเพิ่มสาขาขึ้นเรื่อยๆในอนาคต รวมถึง ช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น เพิ่มการให้บริการแก่คู่ค้าเพื่อสร้างความประทับใจในการส่งสินค้าส่งไปต่างประเทศ หรือสัดส่วนการขายสินค้าในรูปแบบโปรเจคการบริจาค, เล่นกีฬา, โรงงาน, ไซต์งานก่อสร้าง เป็นต้น และเน้นเพิ่มยอดขายในตลาดรองเท้านักเรียนและรองเท้าแฟชั่น ด้วยการกระจายสินค้ารองเท้านักเรียน, แฟชั่นและถุงเท้า ไปยังตัวแทนที่ขายทั้งรองเท้านักเรียนและแฟชั่นอยู่แล้วที่ยังไม่มีสินค้าครบ กลุ่มจัดการส่งเสริมการขายร้านค้าและรายการส่งเสริมผู้บริโภค โดยใช้ Music Marketing Event เป็นตัวนำ

ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 25 ล้านบาท ตลอดทั้งปี โดยมีแผนการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้กลยุทธ์การสื่อสารผ่าน Music Marketing สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ (online) ด้วย MV กับเพลงใจยักษ์, วิทยุ (Spot Radio) และ ทีวี (Spot TVC)


นอกจากนี้มีกิจกรรม CSR บริจาครองเท้าและถุงเท้านักเรียนให้แก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ผ่านโครงการพระเมตตา รางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์นายสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ปัจจุบันทิศทางธุรกิจรองเท้าในประเทศไทย ร้านค้าส่งยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาด แต่เริ่มที่จะจัดเก็บสินค้าเฉพาะแบรนด์อันดับต้นๆ ที่มีแนวทางทำการตลาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรองเท้านักเรียน และอนาคตตนมองว่า ผู้บริโภคจะใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยหันมาซื้อสินค้าที่ให้ Function Benefit ที่มาพร้อมกับการดีไซน์ที่เป็นไปตามไลฟสไตล์ของตนหรือกลุ่มของตน ตลาดรองเท้าเพื่อสุขภาพจะใหญ่ขึ้น เยาวชนจะแต่งตัวเลียนแบบ Influencer เช่น ไอดอล ที่ตนชื่นชอบหรือตามเพื่อนในกลุ่มของตน และกลุ่มคนชอบท่องเที่ยวมากขึ้นรองเท้าที่ใส่จะดูเป็น Multi-Purpose มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องการสินค้าที่
ดีมีการตอบสนองไลฟสไตล์ตัวเองอย่างชัดเจน”
****************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น