pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บช.น. จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ครั้งที่ 8


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.62 เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รอง ผบช.น. เป็นประธานแถลงข่าวศูนย์ป้องกันปราบปราม การฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปฉช.น.) จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ครั้งที่ 8 โดยมี ผบก.น. 1 - 9 , สส. , สปพ. , ผกก.สน.ในสังกัด บช.น. , ผกก.ดส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี      ณ ห้องประชุมใหญ่ บช.น./ 







รอง ผบช.น. มอบประกาศนียบัตร ให้ตำรวจในสังกัดที่สำเร็จการอบรมหลักสูตรป้องกันยาเสพติด


เมื่อวันที่พฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.62 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.น. เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตร ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.น.ที่ได้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรป้องกันยาเสพติด ซึ่งสอนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ (ครูตำรวจ D.A.R.E.) รุ่นที่ 228 เพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการต่อต้านการใช้ ยาเสพ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการอบรม และกล่าวปิดการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว ณ โรงแรม แจ๊สโซเทล กรุงเทพฯ/















อ.บ้านแพ้วเปิดปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่



 
ศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอบ้านแพ้ว  ได้ดำเนินการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง  ตามข้อร้องเรียนของประชาชนและตามเป้าหมาย  เพื่อเป็นลดการลดจำนวนผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่  เพื่อนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรูปแบบสมัครใจ ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ผลการปฎิบัติ  การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย










BMAM Expo Asia 2019 ผุดคอนเซ็ปต์ใหม่ รับตลาดอาคารอัจฉริยะโต รวมที่สุดเเห่งนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการอาคาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด จัดงาน BMAM Expo Asia 2019 งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร โรงงาน และอสังหาริมทรัพย์แห่งเอเชีย ครั้งที่ 12 ชูคอนเซ็ปต์The  Building and FM Expo โดยรวบรวมสินค้าและเทคโนโลยีกว่า 150 แบรนด์จากกลุ่มบริหารทรัพยากรอาคาร อาคารเขียว และระบบอาคารอัจฉริยะ มาจัดแสดงในระหว่างวันที่ 27 – 29 มิถุนายน 2562 ณ อาคาร 6อิมแพ็คเมืองทองธานีคาดมีผู้เชี่ยวชาญด้านการ


บริหารจัดการอาคาร และผู้ซื้อจากทั่วภูมิภาคเข้าชมงานกว่า 4,000 รายตลอด 3 วันจัดงาน


โดยได้ประกาศความร่วมมือร่วมจัดงานกับงาน K-Fire & Safety Bangkok 2019 BMAM Expo Asia 2019 ประกาศความร่วมมือกับงาน K-Fire and Safety Bangkok 2019 (“K-Fire”) งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติด้านอัคคีภัยและความปลอดภัยจากประเทศเกาหลีใต้ ที่จะนำทัพผู้ประกอบการกว่า 30 บริษัทมาจัดแสดงสินค้าร่วมกันในงาน BMAM Expo เสริมให้งานดังกล่าวเป็นเวทีรวบรวมโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร, การป้องกันอัคคีภัย และ ความปลอดภัย ที่ครบวงจรที่สุด พร้อมทั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี (KOTRA) ได้นำผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจซื้อกว่า 100 รายจาก 10 ประเทศ มาร่วมเจรจาธุรกิจภายในงาน 





ทั้งนี้อัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมธุรกิจด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัตโนมัติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก โดยคาดว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2560 – 2565 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 4.7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* การนำระบบการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัตโนมัติมาใช้ในส่วนงานการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ถือได้ว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้ตลาดการบริหารทรัพยากรอาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

นายอยุธพร บูรณกุล นายกสมาคมวิชาชีพการบริหารจัดการอาคาร กล่าวว่า “งาน Facility Management (FM) ไม่ใด้เป็นเพียงแค่งานหลังบ้าน หากแต่เป็นงานที่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ให้กับองค์กรผ่านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและคุณภาพชีวิตแก่ผู้ใช้งาน ยิ่งเมื่อมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาคารด้วยแล้วยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารต้นทุนได้ง่ายขึ้น”

มร.ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัดกล่าวว่า “ในยุคปัจจุบัน อาคารอัจริยะเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริหารจัดการทรัพยากรอาคารทั่วโลก ซึ่งการนำโซลูชั่นการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัติโนมัติเข้ามาใช้ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบปรับอากาศ, ระบบควบคุมไฟ และระบบเตือนอัคคีภัย จะช่วย ยกระดับให้การบริหารจัดการทรัพยากรอาคารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการควบคุมระบบต่างๆ ในจุดเดียว ซึ่งงานBMAM Expo เป็นอีกช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน FM ได้สัมผัสเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะมาผลิกโฉมอุตสาหกรรมการบริหารจัดการอาคารในอนาคต

สำหรับ  BMAMExpo Asia 2019ได้รวบรวมผู้ประกอบการจากกว่า 150 บริษัทและแบรนด์จากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย มาจัดแสดงสินค้าครอบคลุม 3 กลุ่มคือ  1.Facility  managementproducts and servicesระบบและเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร วัดสุก่อสร้าง การทำความสะอาด ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบการเตือนภัย ระบบปรับอากาศ และการบำรุงรักษาอาคาร  2. Green FMระบบจัดการของเสีย ระบบจัดการน้ำ และพลังงานทดแทน 3. Smart building solutionsระบบบริหารจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ ระบบควบคุม การเฝ้าระวังภัย ระบบการจัดการพลังงาน อุปกรณ์อัจฉริยะและไอโอที ระบบบริหารงานสำหรับนิติบุคคลอาคารชุด 

โดยภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจด้านการบริหารจัดการอาคาร อาทิ Business Matching โปรแกรมการจับคู่เจรจาธุรกิจที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าสามารถเข้าสู่ระบบการจับคู่นัดหมายเจรจากับผู้ซื้อที่ทางผู้จัดงานได้เรียนเชิญมาร่วมชมงาน และยังมี Building & FM Conference อัพเดทความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ จากเหล่ากูรูด้านการบริหารจัดการอาคาร วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และ การบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการก่อนถึงงาน BMAM Expo Asia 2019 ในเดือน มิถุนายน ผู้จัดงานฯจึงได้จัดให้มีงาน “Technological Revolution for Smart  buildings and Facilities Management” เพื่ออัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ ตลอดจนกลยุทธพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการนำนวัตกรรม IoT มาเพิ่มศักยภาพ ให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากสำนักงานส่งเสริมเศรษกิจดิจิทัล, กรมโยธาธิการและผังเมือง, สมาคมอสังหาริมทรัพแห่งประเทศไทย และสมาคมวิชาชีพการบริหารทรัพยากรอาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงแนวโน้มอุตสาหกรรม และเตรียมรับมือกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ณ โรงแรม เอส31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bmamexpoasia.com


พส. ยกระดับผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการฯในสังกัดอปท. ร่วมขับเคลื่อนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.62  น. เวลา 15.00 น. ที่โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ นางจินตนา จันทร์บำรุง  รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นางจินตนา กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่มีบทบาทในการมุ่งเน้น ส่งเสริม พัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตสถาบันครอบครัวและชุมชนซึ่งมีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย กระทรวงฯ จึงไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้โดยลำพัง แต่จำเป็นต้องบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่สำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในสังคมมากที่สุด


ทั้งนี้การอบรมผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดมาปีนี เป็นปีที่ 2 ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วยผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล ตำบล รวมจำนวนทั้งสิ้น 83  คน ดำเนินการระหว่าง วันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค.2562  เนื้อหาการอบรมประกอบด้วยเรื่อง แนวคิดและทฤษฎีการปฏิบัติงานด้านสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ เทคนิคการทำงานสังคมสงเคราะห์กับกลุ่มเป้าหมาย เรื่ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับงานสวัสดิการสังคม




นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ และการบูรณาการกับภาคีเครือข่าย และที่สำคัญที่สุดได้จัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับบทบาท อปท. ในงานสวัสดิการสังคม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ ที่ไม่มีวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์โดยตรง ได้มีโอกาสสร้างเสริมองค์ความรู้พื้นฐาน และองค์ความรู้ใหม่ที่เท่าทันสถานการณ์ทางสังคมตลอดจนเสริมสร้างเทคนิคในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์รวมทั้งได้เรียนรู้กฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน

รองอธิบดีพส.กล่าวในตอนท้ายว่า อย่างไรก็ตามกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมขับเคลื่อนงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ช่วยให้ประชาชนก้าวผ่านสภาวะวิกฤติและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เสวนา “2 ปี คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ: สังคมเท่า เทียมแค่ไหน?”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562  เวลา 08.30 น. ณ ห้องบงกชรัตน์ บี โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ นางถิรวดี พุ่มนิคม ผู้เชี่ยวชาญด้านสตรี กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานเปิดการเสวนา “2 ปี คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ: สังคมเท่าเทียมแค่ไหน?” ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง สค. กับ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน โครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ อินเตอร์เนชั่นแนลทรานส์ฟัน และภาคีเครือข่ายฯ จัดขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) เพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งสร้างภาคีเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาควิชาการในการการดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 
       
นางถิรวดี กล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติ จึงได้ร่วมกับทุกภาคส่วนผลักดันและแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ และได้มีการตราพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558  โดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองและป้องกันมิให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทางสังคมและหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติฉบับนี้ ดำเนินการควบคู่กันไปทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติเพื่อคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติ โดยกลไกคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (สทพ.) คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) และคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการ วลพ. ที่ทำหน้าที่ในการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยได้มีการออกคำสั่งเพื่อระงับ ยับยั้ง และแก้ไขการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศไปแล้วหลายเรื่อง




นางถิรวดี กล่าวต่ออีกว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะกรรมการ วลพ. ยังประสบปัญหาหลายประการทั้งจากตัวบทกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ เจตคติของสังคม รวมทั้งขาดความตระหนักรับรู้จากภาคประชาชนในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และภาคีเครือข่ายฯ จึงเห็นความสำคัญที่จะมีการทบทวนการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงร่วมกันจัดงานในวันนี้ขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิด
การรับรู้และเข้าใจกระบวนการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. รวมทั้งเกิดภาคีเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคประชาชน ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

สำหรับการเสวนาในวันนี้ เป็นการเสวนา เรื่อง “การนำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ศ. มาลี พฤกษ์พงศาวลี ประธานกรรมการ วลพ. คุณสิริวรรณ เย็นตั้ง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเลขานุการคณะกรรมการ วลพ. ที่ร่วมฉายภาพถึงความสำเร็จ และความท้าทายในการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณวิทิต มันตาภรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ คุณเรืองรวี พิชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา ร่วมแลกเปลี่ยนผ่านการเสวนาเรื่อง “ข้อท้าทายกลไกคุ้มครองสิทธิความเสมอภาคระหว่างเพศ” ซึ่งดำเนินรายการโดย ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ กรรมการ วลพ.

“จากบรรยายกาศภายในงานและการแลกเปลี่ยนจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 80 คน ได้สะท้อนความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันว่า แม้จะมีกฎหมายห้ามหากเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ แต่ปรากฎการณ์การเลือกปฏิบัติก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถูกเลือกปฏิบัติหลายคนยังไม่รู้จักกฎหมายนี้ ในขณะที่บางคนแม้จะรู้จักแต่ก็ยังไม่สามารถใช้กลไกดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงเสียดทานและกดดันต่างๆ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพวกเราทุกคนที่ต้องร่วมกันสื่อสารและลุกขึ้นมาส่งเสียง และไม่สยบยอมต่อความไม่เป็นธรรมทางเพศ” นางถิรวดีกล่าวในตอนท้าย