pearleus

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

มันมาอีกแล้ว PM 2.5



            ห่างหายไปได้พรรคใหญ่  เผลอแผลบเดียว มันก็กลับมาอีกแล้ว  จะอะไรล่ะ ก็เจ้าฝุ่น PM 2.5 การกลับมาครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายเดือน กันยายน 2562 เมื่อท่านประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ออกมาเปิดเผยว่า  จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล พบมีปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 37-67 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินเกณฑ์มาตรฐาน 15 พื้นที่ ซึ่งค่ามาตรฐานไม่ควรเกิน 50 มคก./ลบ.ม.
งานนี้ท่านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ทำดูเหมือนจะควบคุมมลพิษไม่อยู่เหมือนชื่อที่ทำงาน ออกมาประกาศ พื้นทีที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน  ดังรายนามต่อไปนี้
ในกรุงเทพ ฯ ได้แก่ เขตปทุมวัน  สาธร  บางคอแหลม ยานนาวา คลองสาน ภาษีเจริญ บางซื่อ หลักสี่ บางเขน บางพลัด บางขุนเทียน
            ส่วนในต่างจังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียง ได้แก่ อ.พระประแดง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และ  อ.กระทุ่มแบน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
            ทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้ฝุ่นมรณะ ผุดขึ้นมาเป็นข่าวอีกครั้ง ก็เพราะ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ลมอ่อนกำลังลง อากาศนิ่ง และจมตัว ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง คุณภาพอากาศ ในพื้นที่ จำนวน 15 แห่ง ตามที่มีเครื่องวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
นายประลอง กล่าวต่อว่า จากสภาวะอากาศฝุ่นละออง หมอกควัน PM 2.5 สูงดังกล่าวใน 15 พื้นที่ ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งเตือน ให้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงในเรื่องของ สุขภาพที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ซึ่งได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ในพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไปตามหลักการป้องกันไว้ก่อน
            สรุปว่าภาครัฐทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า ออกคำเตือนควบคุมพฤติกรรมของประชาชน ให้หลีกเลี่ยงฝุ่น เมื่อต้องอยู่นอกบ้าน  งานนี้โทษใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากมนุษย์ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการผลิตฝุ่น แต่โต้โผใหญ่อย่างภาครัฐ โดยเฉพาะรัฐบาลเองก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง นอกเหนือจากออกคำเตือนแกน ๆ ให้ประชาชนดูแลตัวเอง ในขณะที่กลไกในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยไหนก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้อง กลับไม่มีการบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจัง
            ปัญหามา ปัญญาเกิด คำพระท่านว่า  แต่ถ้าฝุ่นมาบ่อย ๆ ปัญญาจะอ่อนเอาหนาท่าน เกจิด้านการจัดการบอกว่า  การป้องกัน ย่อมดีกว่าแก้    แล้วที่เป็นอยู่ อย่าว่าแต่ป้องกันเลย แค่แก้ไขปัญหา พวกก็ไปไม่เป็นแล้ว  รับกรรมที่ตัวเองสร้างไว้กันต่อไปเถิดประชาชนคนไทย


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น