pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวนครปฐม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม







           จากนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ของรัฐบาลซึ่งกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ
ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 1ปี จะทำให้ปัญหายาเสพติดลดระดับความรุนแรงลง 80% เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการป้องกัน ปราบปราม บำบัด ลดผู้เสพไม่ให้กลับไปเสพอีก และสกัดกั้นการนำ ยาเสพติดเข้ามาตามชายแดน การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานให้เป็นการทำงานเชิงรุก
กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ได้ขานรับนโยบายรัฐบาล ได้กำหนดเป้าหมาย ปราบ ปรามกลุ่มผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ดำเนินการจำแนกผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดออกจากผู้ต้องขังทั่วไป กำหนดมาตรการสำหรับเรือนจำความมั่นคงสูงสุด (super max) ให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามในระดับสูงสุด
นโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย) ให้ไว้ต่อผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ ว่า เรือนจำต้องไม่ใช่แหล่งสั่ง ซื้อ-ขาย ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องไม่ ทำผิดเสียเอง และในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผู้บัญชาการเรือนจำต้องประสานความร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด สำนักงาน ป.ป.ส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
วันนี้ เวลา 05.00 น. นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมพร้อมผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้บังคับการตำรวจภูธร ภาค ๗ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 7 โดยมีกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 220 นาย เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ปปส. ภาค 7 จำนวน 15 นาย เจ้าหน้าที่จากสมาชิกกองรักษาดินแดน สังกัดกองบังคับการรักษาดินแดนจังหวัด (อส.) จำนวน 10 คน และเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางนครปฐม จำนวน 104 คน โดยมีคณะสื่อมวลชนเป็นสักขีพยานในการเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมเพื่อพิสูจน์การทำงานของเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมโดยมี ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจ ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ พร้อมคณะร่วมตรวจค้นเรือนจำทั้ง 5 แดน มียอดผู้ต้องขัง ชาย 2,825 คน ผู้ต้องขังหญิง 405 คน โดยเข้าตรวจค้นที่นอน ห้องพักผู้ต้องขัง หาสิ่งของต้องสงสัย อาทิ มือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ และสิ่งของอื่นใดที่ผู้ต้องขังไม่ควรมีไว้ในครอบครองระหว่างอยู่ในเรือนจำ
                นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า หลังการตรวจค้นไม่พบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของผิดกฎหมาย แต่อย่างใด ทั้งนี้ เจ้าหน้าทีสำนักงาน ปปส. ภาค 7 ได้ดำเนินการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขัง ชาย 103 คน หญิง 26 คน ไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ แต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมมีความเข้มแข็ง ตรวจสอบเข้มงวด จึงทำให้ผู้ต้องขังไม่มีสิ่งของแปลกปลอมใด ๆ
                จากข้อมูลที่ได้รับมาทราบว่า เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมมีการตรวจค้นเรือนนอนของผู้ต้องขังเป็นประจำทุกสัปดาห์ และมีการตรวจสุขลักษณะจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกวันจันทร์ ทำให้เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมแห่งนี้มีความโปร่งใส และผู้ต้องขังอยู่ในระเบียบควบคุมได้และเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน นายนิมิต จันทร์วิมล กล่าว
                ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจ ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กล่าวเสริมด้วยว่า ขณะนี้เรือนจำแห่งใหม่ตำบลวังตะกูก่อสร้างเสร็จแล้วโดยมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกับต่างประเทศ 1 ห้องขังรองรับผู้ต้องขัง 18 คน พร้อมเทคโนโลยีการเปิดประตูและกำแพงมีการป้องกันแบบพิเศษ รวมถึงขยายพื้นที่เป็น 9 แดน ซึ่งสามารถรองรับผู้ต้องขังเพื่อได้อีก
                ปัจจุบันเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมก่อสร้างมานานกว่า 115 ปี ก็มีการชำรุดทรุดโทรมไปบ้าง แต่ก็ซ่อมแซมอยู่สม่ำเสมอ อีกทั้งระเบียบในการดูแลผู้ต้องขังเป็นไปอย่างเคร่งครัด และรองรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาชอบก่อจลาจลในเรือนจำจังหวัดอื่น ได้กว่า 30 คน ซึ่งถือเป็นเทคนิคการทำงานเฉพาะเรือนจำเท่านั้น ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจกล่าว

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น