pearleus

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2563

เรือนจำสมุทรสาคร จัดอบรมผู้ต้องขังตาม โครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง


เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดพิธีปิดการอบรมหลักสูตรการอบรมผู้ต้องขัง ตามโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์  โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้แทนพระองค์ในการปิดโครงการ และมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมจำนวน 124 คน  และปล่อยผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมและได้รับการอภัยโทษ และมีพันตรีรัฐกฤษณ์ ใจจริง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้กล่าวรายงาน
ตามที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีการฝึกโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่
และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิด การฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติตลอดจนการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก
ขั้นตอนการฝึก แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การอบรมพึ่งตนเองด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง,ขั้นที่ 2การแปลงทฤษฎีเกษตรพอเพียงสู่การปฏิบัติ ที่ประกอบด้วย การออกแบบแนวความคิดการบริหารจัดการพื้นที่ขนาดเล็ก การประยุกต์ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา ตามภูมิสังคมลงบนกระดาษ  การสร้างพื้นที่จำลอง(Table Top Exercise) และวางแผนการ
ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อพอกิน พออยู่ พอใช้ และพอร่มเย็น การปฏิบัติในพื้นที่จริง มีขนาด 1 งานหรือ 412 ตารางเมตรตามทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา ตามภูมิสังคม ส่วนขั้นที่ 3 คือการสรุปและประเมินผล
จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร สามารถพึ่งพาตนเอง ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ทั้งสามารถช่วยเหลือประชาชน ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้ หลังจากนี้แล้ว ผู้ต้องขังที่จะได้รับการพันโทษ จะต้องดำเนินการในพื้นที่ ตามภูมิลำเนาของตนเอง อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ โดยการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป










0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น