pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

มหาดไทยร่วมมือสาธารณสุขเฝ้าระวัง COVID-1 แรงงานไทยกลับจากเกาหลีใต้



เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 63 ที่ห้องราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมการประชุมหารือข้อราชการสำคัญของรัฐบาล โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำจังหวัด รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ฝ่ายทหาร) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และนายอำเภอทุกอำเภอ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า รัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการเฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมดูแลผู้ที่กำลังเดินทางเข้าประเทศซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่มีการประกาศความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง 4 ประเทศ ได้แก่ จีน สาธารณรัฐเกาหลี อิตาลี และอิหร่าน ในขณะนี้มีแรงงานชาวไทยที่จะเดินทางมาจากสาธารณรัฐเกาหลี ประมาณ 120,000 คน ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประขาชน จึงขอให้ผู้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ทุกคนที่มาจากกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นแบบกักตัวโดยรัฐ และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาจาก 2 เมืองกลุ่มเสี่ยง ให้กักตัวที่ภูมิลำเนา (Local quarantine) จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลในเรื่องดังกล่าว โดยกระทรวงสาธารณสุขจะให้ความร่วมมือทางการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างเต็มที่กับกระทรวงมหาดไทย

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ในวันนี้ เป็นการซักซ้อมความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อไปดำเนินการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ สำหรับมาตรการป้องกันไวรัสโควิค 19 บุคคลที่เดินทางเข้าในไทย กระทรวงสาธารณสุขจะตรวจคัดกรองทุกราย และผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังจะแยกออกไป ทำเหมือนกันทุกประเทศ และสำหรับผู้เดินทางกลับจากสาธารณรัฐ (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูงสุด จึงมีมาตรการพิเศษคัดกรองคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าว โดยมีมาตรการพิเศษ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) ผู้ที่มาจากเมืองแทกู และคยองซัง การดูแลของภาครัฐ (State Quarantine) และ 2) ถ้าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ๆ ก็จะไปดูแลในระดับพื้นที่ตามภูมิลำเนา (Local Quarantine) โดยใช้กลไกในพื้นที่ดูแล เป็นเวลา 14 วัน ถ้าไม่มีอาการอะไรก็สามารถกลับบ้านได้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเข้ามาดูแล Local Quarantine ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข และฝ่ายทหาร ในการจัดหาสถานที่ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นจะเป็นผู้คัดกรอง และกระทรวงคมนาคมจะส่งตัวกลับไปยังภูมิลำเนา ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตามอำเภอ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสมในการหาสถานที่กักตัว โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด 
.
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการเชิงป้องกันในพื้นที่ ในเรื่องการจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนทั่วไป โดยกำลงการผลิตของประเทศอยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน ในส่วนนี้เป็นของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 10 ล้านชิ้น คงเหลือ 20 ล้านชิ้นที่จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งในขณะนี้ความต้องการในการใช้หน้ากากอนามัยสูงเกินกว่ากำลังการผลิต ซึ่งได้แนะให้พี่น้องประชาชนเลือกให้หน้ากากอนามัยทางเลือกเป็นทางให้ประชาชนเข้าถึงหน้ากาก ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขว่าสามารถใช้ป้องกันโรคได้เช่นกัน และเป็นการลดปริมาณขยะอีกด้วย จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฝึกอบรมการจัดทำหน้ากากอนามัย ให้กับ อสม. อาสาสมัคร และจิตอาสาในแต่ละพื้นที่
.
นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวว่า ในด้านการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ในขณะนี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ทั้งการส่งออก และเพื่อเป็นการป้องกันการกักตุน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด ตรวจสอบร้านค้า และควบคุมการจำหน่ายราคาไม่เกินแผ่นละ 2.5 บาท นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะได้จัดรถ Mobile จำหน่ายหน้ากากอนามัยยังจังหวัดต่าง ๆ ให้ประชาชนเข้าถึงอย่างทั่วถึงต่อไป

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งเสริมการรณรงค์เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์ ด้วยการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือและรักษาสุขภาพให้แข็ง รวมทั้งให้คนในชุมชนช่วยกันดูแลกันหากพบผู้ป่วยให้พาผู้ป่วยไปรับการเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลในพื้นที่
.
สุดท้าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือของทุกคนทุกฝ่าย และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้รับรู้และเข้าใจถึงการดำเนินงานของภาครัฐ และเชิญชวนประชาชนได้ร่วมกันจัดทำหน้ากากอนามัยทางเลือก หรือ หน้ากากผ้า ไว้ใช้เอง ซึ่งเป็นการช่วยลดโอกาสในการติดเชื้ออีกด้วย








0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น