นายก อบจ.สมุทรสงครามชี้แจงเหตุพัฒนาท้องฟ้าจำลองล่าช้า เพราะการก่อสร้างไม่ได้ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก ระบุ 20 ปีเพิ่งได้ใบอนุญาต พร้อมเทงบเกือบ 20 ล้านบาท พัฒนาหรูกว่าเดิม
จากกรณีศูนย์วิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ จ.สมุทรสงคราม หรือท้องฟ้าจำลอง ที่หมู่ 8 ต.บางแก้ว อ.เมืองสมุทรสงคราม ซึ่งก่อสร้างเมื่อปี 2548 บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ภายในสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยงบประมาณ 27,500,000 บาท สมัยนายอำนวย ลิขิตอำนวยชัย เป็นนายก อบจ. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดาราศาสตร์ เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับคณะครู นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอกพื้นที่ และนับเป็นท้องฟ้าจำลองแห่งที่ 2 ของประเทศไทย (ขณะนั้น) แต่ได้ถูกปิดทิ้งร้างมานานทำให้อาคารสถานที่นอกจากจะทรุดโทรมแล้วเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆยังใช้งานไม่ได้เพราะขาดการดูแลบำรุงรักษาอย่างน่าเสียดาย

เรื่องนี้ นายเจษฏา ญาณประภาศิริ นายก อบจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า หลังจากตนเข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ได้ตรวจสอบพบว่าทาง อบจ.สมุทรสงครามได้มีการตั้งงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมไว้แล้วในปี 2567 เป็นเงิน 19,200,000 บาท แยกเป็นปรับปรุงสะพานคนเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนในพื้นที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ 4,000,000 บาท ปรับปรุงระบบฉายดาวดิจิตอลท้องฟ้าจำลอง และนิทรรศการวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ภายในอาคารศูนย์เรียนรู้ด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 2,000,000 บาท ทั้ง 2 โครงการใช้งบจากข้อบัญญัติงบประมาณ อบจ. และปรับปรุงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ศูนย์เรียนรู้ด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลอง) รวมทั้งอาคารส่งเสริมการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ13,200,000 บาท ใช้งบจากเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจากสำนักงบประมาณ และได้บรรจุอยู่ในแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบจ.แล้ว

ส่วนที่การปรับปรุงล่าช้า นายเจษฏาฯ กล่าวว่า เนื่องจากการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์หรือท้องฟ้าจำลอง อบจ.ไม่ได้ขออนุญาตการก่อสร้างจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก จึงติดปัญหาตามกฎหมายหลายฉบับของหลายหน่วยงานที่ต้องทำให้ถูกต้อง หากไม่ทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนก็ปรับปรุงไม่ได้เพราะจะมีปัญหาตามมามากมาย แต่ตนก็ไม่เคยคิดจะทิ้งโครงการนี้และไม่คิดแบ่งแยกเรื่องการเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็พร้อมทำ แต่ต้องการทำให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นเพื่ออนาคตหากมีโครงการพัฒนาต่อยอดจะได้ไม่มีปัญหาให้ต้องตามแก้อีก

นอกจากนี้ในปี 2563 ยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งทางจังหวัดฯ ได้ใช้อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงหลังใช้อาคารจนโควิดคลี่คลายก็ปิดให้บริการมาจนทุกวันนี้ ทำให้เกิดความเสียหายในหลายส่วน เช่นระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศเสียหายจากหนูเข้าไปกัดทำลายสายไฟและระบบท่อต่างๆ ส่วนภายนอกอาคารก็เกิดความเสียหายจากลิงที่อยู่บริเวณป่าชายเลน เข้ามารื้อชิ้นส่วนต่างๆ เช่นประตู หน้าต่าง เสาธง โคมไฟ คอมเพรสเซอร์ เครื่องปรับอากาศ รั้ว ท่อประปา ท่อสายไฟ กล้องวงจรปิด ฯลฯ ประกอบกับบริเวณที่ตั้งอยู่ติดทะเลซึ่งมีสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและได้รับไอเค็มจากน้ำทะเลทำให้โครงสร้างต่างๆ ที่ทำจากโลหะเกิดการผุกร่อนเร็วกว่าปกติ

นายเจษฎาฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้การดำเนินการในเรื่องการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อบต.บางแก้ว เจ้าของพื้นที่ และคณะกรรมการโครงการป่าในเมืองสวนป่าประชารัฐเพื่อความสุขของคนไทย จ.สมุทรสงคราม ฯลฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงให้กองช่างของ อบจ. ออกแบบ อีกทั้งได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะรายงานกองพัสดุเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง e-bidding และต้องได้ผู้รับจ้างก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568 มิเช่นนั้นงบประมาณจะตกไป จึงขอรับรองว่าการพัฒนาปรับปรุงท้องฟ้าจำลอง จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2568 นี้อย่างแน่นอน

และเมื่อปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายเจษฎาฯ กล่าวว่าจะเปิดให้เป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับคณะครู นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนที่สนใจเหมือนเดิม และนอกจากการปรับปรุงแล้ว ตนยังมีเซอร์ไพรส์ให้ชาวสมุทรสงคราม โดยเตรียมสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ให้สวยงาม คือสะพานทางเดินเลียบป่าชายเลนเชื่อมต่อไปจนถึงศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ดอนหอยหลอดระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และยังจะสร้างหอดูดาวสูง 100 เมตร ให้ประชาชน เยาวชนได้ขึ้นไปดูดาวและความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบ โดยจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนหลังปรับปรุงท้องฟ้าจำลองเสร็จแล้ว เชื่อว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับชาวสมุทรสงครามอย่างแน่นอน