มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเรื่องอาหารไทย(ขนมหวาน) ชุมชนวัดใหญ่บ้านบ่อ อำเภอเมืองสมุทรสาคร
สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกิจการสภาวัฒนธรรมสมุทรสาคร ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการจัดเก็บข้อมูลภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาไทย พ.ศ ๒๕๕๙ ประกอบด้วยนายเอกชัย เฮ้งเจริญสุข เป็นประธาน นายบุญชอบ สาธร รองประธานและคณะกรรมการอื่นๆรวม ๒๑ คน เป็นคณะทำงาน โดยคณะทำงานได้ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนมหวานประเภทฝอยทอง ทองหยอด ขนมหม้อแกง ที่ชุมชนวัดใหญ่บ้านบ่อ ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมืองสมุทรสาครและได้รายงานผลให้คณะอนุกรรมการฯในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๘ วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘ ทราบ
ผู้เขียนได้ติดตามนายเอกชัย เฮ้งเจริญสุข ประธานคณะทำงานลงพื้นที่ พร้อมกับนายประสิทธิ์ จุุ่นขจร นายสุทัศน์ ตระกูลบางคล้า นายบุญชอบ สาธร ฯลฯ พร้อมด้วยนายปราโมทย์ ชาวเมืองโขง วัฒนธรรมจังหวัด นางสาวกษิญาภรณ์ สร้อยทอง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมฯ และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อจัดเก็บข้อมูลประเพณีการทำบุญขนมหวานที่วัดใหญ่บ้านบ่อ ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากชุมชนตำบลบ้านบ่อยังมีการทำขนมหวานประเภททองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง และอื่น ๆ จำหน่าย โดยเฉพาะงานประจำปีวัดใหญ่บ้านบ่อทุกปี ประชาชนในชุมชนจะร่วมมือกันทำขนมหวานจำหน่ายนำเงินบำรุงวัดติดต่อกันมานับสิบปีจนกลายเป็นประเพณี งานประจำปี ๒๕๖๘ จำหน่ายขนมหวานได้เงินถึง ๕๗๕,๗๔๐ บาท ในวันที่ลงจัดเก็บข้อมูลมีผู้สืบทอดประเพณีในชุมชนมาสาธิตให้ดูกระบวนการทำได้แก่ นางสาวสายพิณ แก้วจุนันท์ และนางนวลอนงค์ สำเภาทอง
สำหรับประวัติการทำขนมหวานประเภทดังกล่าว พบว่ามีกำเนิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) โดย "ท้าวมารีอา กียูมาร์ ดิปิญา" คนไทยเรียกท่านว่า "ท้าวทองกีบม้า" ภรรยาของพระยาวิไชเยนทร (คอนสแตนติน ฟอนคอล ชาวกรีกที่เข้ามารับราชการในราชสำนัก) ท้าวทองกีบม้าเกิดในพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๗ เป็นลูกครึ่งโปรตุเกส - ญี่ปุ่น ที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา รับราชการในราชสำนักในตำแหน่งหัวหน้าเครื่องต้นวิเสท (ผู้ทำอาหารถวายในหลวง) ประเภทของหวาน ได้นำวัตถุดิบของไทยเช่นน้ำตาล ใข่เป็ด นำมาทำเป็นขนมฝอยทอง ทองหยอด ขนมหม้อแกง ทองหยิบ ทองพลุ สังขยา โดยดัดแปลงมาจากขนมโปรตุเกส
"ท้าว" หรือคุณท้าวเป็นตำแหน่งในราชสำนักกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มี ๔ ระดับคือ คุณท้าว คุณเฒ่าแก่ จ่า และโขลน สตรีที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ที่ได้รับบรรดาศักดิ์คุณท้าวคือท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร และท้าวสุรนารี
สำหรับวัดใหญ่บ้านบ่อเป็นวัดเก่า อยู่หมู่ที่ ๓ บ้านคลองหลวง ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมืองสมุทรสาคร สร้างขึ้นราว พ.ศ ๒๒๖๙ เดิมอาสนะและกุฏิสงฆ์ปลูกสร้างใกล้ตลิ่ง จึงได้มีการย้ายกุฏิและเสนาสนะไปปลูกใหม่ห่างจากที่เดิมประมาณ ๒ เส้นได้แก่ กุฏิสงฆ์ ๑๕ หลัง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอฉัน ๑ หลัง เสนาสนะที่สร้างขึ้นใหม่นี้มีพื้นไม้เป็นทางเดินติดต่อถึงกันหมด ต่อมาเสนาสนะได้ชำรุดเป็นส่วนมาก พระเทพสาครมุนี (หลวงปู่แก้ว) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ได้เห็นความชำรุดทรุดโทรมจึงได้วางแบบแปลนสร้างใหม่ ให้รื้อของเก่าซึ่งเป็นตัวไม้มุงด้วยจากบ้าง มุงกระเบื้องบ้าง แล้วสร้างเป็นกุฎีทรงปั้นหยา ก่ออิฐถือปูนเสริมเหล็กทั้งหมด
เมื่อพระประสาทศีลคุณ (ทองย้อย ปาสาทิโก) เจ้าอาวาสรูปที่ ๘ ชราภาพมากคณะสงฆ์จึงได้มอบให้พระปลัดสำราญ สัปปุญโญ และนายบุญช่วย สาทร ไวยาวัจกร ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ทุกประการ นายบุญช่วย นางปั้น สาธร นอกจากเป็นไวยาวัจกรแล้วยังบริจาคที่ดินให้วัดก่อสร้างเสนาสนะอีก ๘ ไร่ ๓ งานเศษ วัดจึงมีเนื้อที่รวม ๖๘ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา ต่อมาพระปราสาทศีลคุณ ได้มรภาพลงพระปลัดสำราญจึงได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อมาโดยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสาครวิริยาภรณ์
วัดใหญ่บ้านบ่อมีปูชนียวัตถุที่สำคัญได้แก่ อุโบสถ เสมาคู่เป็นศิลาแลง มีกำแพงและเจดีย์อยู่ในกำแพงหลายองค์ หลวงพ่อป่าเลไลย์อยู่หน้าโบสถ์ ภายในมีพระประธานที่สวยงาม มีพระมหาโมคคัลลานะและพระปัญจวัคคีย์ ๕ องค์ หน้าบันอุโบสถระบุว่าซ่อมเมื่อ พ.ศ ๒๔๗๒ และซ่อมมุมกระเบื้องซุ้มประตูใหม่ พ.ศ ๒๕๑๒ ต่อมาพ่อเล็ก แม่หมา โพธิ์บุญ พ่อบุญส่ง แม่ทองคำ ทองมาก มาสร้างพาไลด้านหน้าและด้านหลังพร้อมปูหินอ่อนเป็นเงิน ๕๕๐,๐๐๐ บาท
ปัจจุบัน พระครูสมุห์ ประสงค์ ญาณธีโร (มณีสอดแสง) เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด
pearleus

































0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น