pearleus

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สะพายกล้องส่องพระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชี้ชัดเจาะลึก

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเรื่องอาหารไทย(ขนมหวาน) ชุมชนวัดใหญ่บ้านบ่อ อำเภอเมืองสมุทรสาคร   

        สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกิจการสภาวัฒนธรรมสมุทรสาคร ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗   ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการจัดเก็บข้อมูลภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาไทย พ.ศ ๒๕๕๙   ประกอบด้วยนายเอกชัย เฮ้งเจริญสุข เป็นประธาน  นายบุญชอบ สาธร  รองประธานและคณะกรรมการอื่นๆรวม ๒๑ คน เป็นคณะทำงาน    โดยคณะทำงานได้ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนมหวานประเภทฝอยทอง ทองหยอด ขนมหม้อแกง ที่ชุมชนวัดใหญ่บ้านบ่อ ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมืองสมุทรสาครและได้รายงานผลให้คณะอนุกรรมการฯในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๘ วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘  ทราบ

             ผู้เขียนได้ติดตามนายเอกชัย เฮ้งเจริญสุข  ประธานคณะทำงานลงพื้นที่ พร้อมกับนายประสิทธิ์ จุุ่นขจร  นายสุทัศน์  ตระกูลบางคล้า   นายบุญชอบ สาธร ฯลฯ   พร้อมด้วยนายปราโมทย์ ชาวเมืองโขง วัฒนธรรมจังหวัด  นางสาวกษิญาภรณ์ สร้อยทอง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมฯ และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อจัดเก็บข้อมูลประเพณีการทำบุญขนมหวานที่วัดใหญ่บ้านบ่อ ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากชุมชนตำบลบ้านบ่อยังมีการทำขนมหวานประเภททองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง และอื่น ๆ จำหน่าย โดยเฉพาะงานประจำปีวัดใหญ่บ้านบ่อทุกปี ประชาชนในชุมชนจะร่วมมือกันทำขนมหวานจำหน่ายนำเงินบำรุงวัดติดต่อกันมานับสิบปีจนกลายเป็นประเพณี     งานประจำปี ๒๕๖๘ จำหน่ายขนมหวานได้เงินถึง ๕๗๕,๗๔๐ บาท  ในวันที่ลงจัดเก็บข้อมูลมีผู้สืบทอดประเพณีในชุมชนมาสาธิตให้ดูกระบวนการทำได้แก่ นางสาวสายพิณ แก้วจุนันท์ และนางนวลอนงค์ สำเภาทอง

        สำหรับประวัติการทำขนมหวานประเภทดังกล่าว พบว่ามีกำเนิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  (๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) โดย "ท้าวมารีอา กียูมาร์ ดิปิญา"  คนไทยเรียกท่านว่า "ท้าวทองกีบม้า"  ภรรยาของพระยาวิไชเยนทร (คอนสแตนติน ฟอนคอล ชาวกรีกที่เข้ามารับราชการในราชสำนัก) ท้าวทองกีบม้าเกิดในพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๗  เป็นลูกครึ่งโปรตุเกส - ญี่ปุ่น ที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา    รับราชการในราชสำนักในตำแหน่งหัวหน้าเครื่องต้นวิเสท (ผู้ทำอาหารถวายในหลวง)  ประเภทของหวาน ได้นำวัตถุดิบของไทยเช่นน้ำตาล ใข่เป็ด นำมาทำเป็นขนมฝอยทอง ทองหยอด ขนมหม้อแกง ทองหยิบ ทองพลุ สังขยา โดยดัดแปลงมาจากขนมโปรตุเกส  

         "ท้าว" หรือคุณท้าวเป็นตำแหน่งในราชสำนักกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น   มี ๔ ระดับคือ คุณท้าว  คุณเฒ่าแก่  จ่า และโขลน  สตรีที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ที่ได้รับบรรดาศักดิ์คุณท้าวคือท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร และท้าวสุรนารี 

        สำหรับวัดใหญ่บ้านบ่อเป็นวัดเก่า อยู่หมู่ที่ ๓ บ้านคลองหลวง ตำบลบ้านบ่อ  อำเภอเมืองสมุทรสาคร  สร้างขึ้นราว พ.ศ ๒๒๖๙  เดิมอาสนะและกุฏิสงฆ์ปลูกสร้างใกล้ตลิ่ง  จึงได้มีการย้ายกุฏิและเสนาสนะไปปลูกใหม่ห่างจากที่เดิมประมาณ ๒ เส้นได้แก่ กุฏิสงฆ์ ๑๕ หลัง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอฉัน ๑ หลัง  เสนาสนะที่สร้างขึ้นใหม่นี้มีพื้นไม้เป็นทางเดินติดต่อถึงกันหมด  ต่อมาเสนาสนะได้ชำรุดเป็นส่วนมาก พระเทพสาครมุนี (หลวงปู่แก้ว) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ได้เห็นความชำรุดทรุดโทรมจึงได้วางแบบแปลนสร้างใหม่  ให้รื้อของเก่าซึ่งเป็นตัวไม้มุงด้วยจากบ้าง  มุงกระเบื้องบ้าง แล้วสร้างเป็นกุฎีทรงปั้นหยา ก่ออิฐถือปูนเสริมเหล็กทั้งหมด

        เมื่อพระประสาทศีลคุณ (ทองย้อย ปาสาทิโก)  เจ้าอาวาสรูปที่  ๘  ชราภาพมากคณะสงฆ์จึงได้มอบให้พระปลัดสำราญ สัปปุญโญ และนายบุญช่วย สาทร ไวยาวัจกร ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ทุกประการ  นายบุญช่วย นางปั้น สาธร นอกจากเป็นไวยาวัจกรแล้วยังบริจาคที่ดินให้วัดก่อสร้างเสนาสนะอีก ๘ ไร่ ๓ งานเศษ  วัดจึงมีเนื้อที่รวม ๖๘ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา   ต่อมาพระปราสาทศีลคุณ  ได้มรภาพลงพระปลัดสำราญจึงได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อมาโดยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสาครวิริยาภรณ์

        วัดใหญ่บ้านบ่อมีปูชนียวัตถุที่สำคัญได้แก่ อุโบสถ   เสมาคู่เป็นศิลาแลง  มีกำแพงและเจดีย์อยู่ในกำแพงหลายองค์  หลวงพ่อป่าเลไลย์อยู่หน้าโบสถ์  ภายในมีพระประธานที่สวยงาม  มีพระมหาโมคคัลลานะและพระปัญจวัคคีย์ ๕ องค์        หน้าบันอุโบสถระบุว่าซ่อมเมื่อ พ.ศ ๒๔๗๒ และซ่อมมุมกระเบื้องซุ้มประตูใหม่ พ.ศ ๒๕๑๒  ต่อมาพ่อเล็ก แม่หมา โพธิ์บุญ  พ่อบุญส่ง แม่ทองคำ ทองมาก มาสร้างพาไลด้านหน้าและด้านหลังพร้อมปูหินอ่อนเป็นเงิน ๕๕๐,๐๐๐  บาท  





         ปัจจุบัน พระครูสมุห์ ประสงค์ ญาณธีโร (มณีสอดแสง)  เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด










0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น