วันที่ 27 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร
สืบเนื่องจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาครได้รับเรื่องราวร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าสถานบันเทิงชื่อร้าน "บ้านเพื่อน" เปิดให้บริการเกินเวลามีการเล่นดนตรีส่งเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญ
ดังนั้น ปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาครนำโดย เรือตรี นิติพัฒน์ ซื่อดี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายจักรี พรพิบูลย์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สังกัดกองร้อยบังคับการและบริการ ได้ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบ โดยเดินทางไปถึงร้าน"บ้านเพื่อน" เวลา 00.46 น. ซึ่งขณะเข้าตรวจสอบพบว่าภายในร้านยังมีการแสดงดนตรีอยู่บนเวทีและมีนักท่องเที่ยวนั่งดื่มกินอยู่ภายในร้านจำนวนหนึ่ง
ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ จนได้เข้าควบคุมพื้นที่และดำเนินการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดนักท่องเที่ยวภายในร้านจำนวน 34 ราย ผลการตรวจนักท่องเที่ยวทั้ง 34 ราย ไม่พบสารเสพติด
จากนั้น ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายจักรวาล ศรจันทร์ เจ้าของร้าน ดังนี้
1. ตั้งสถานบริการ (สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในทางการค้า) ประเภท สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายโดยจัดใหมีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อ การบันเทิง ซึ่งปิดทําการหลังเวลา 24.00 น. ตามมาตรา 3 (5) โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน มาตรา 4 ประกอบมาตรา 26 (มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
2. ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเวลาห้ามขาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 28 ประกอบมาตรา 39 ประกอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2558 ลงวันที่ 6 มกราคม 2558 (มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
จากนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำบันทึกจับกุมนะที่ทำการปกครองจังหวัดสมุทรสาคร (กลุ่มงานความมั่นคง) ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น