pearleus

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

อำเภอกระทุ่มแบนดำเนินการตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร 8 เรื่องสำคัญในการจัดระเบียบสังคมของจังหวัดสมุทรสาคร

เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ก.ค. 2568 ตามที่ศูนย์ดำรงธรรมได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนกรณีมีผู้ประกอบการลักลอบจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้า และน้ำกระท่อม

ผสมยาอันตราย ในเขตพื้นที่ ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน

นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอกระทุ่มแบน จึงมอบหมาย ฝ่ายความมั่นคงอำเภอกระทุ่มแบน และสมาชิกของอาสารักษาดินแดนอำเภอกระทุ่มแบน พร้อมด้วยสาธารณสุขอำเภอกระทุ่มแบน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าวฯ จากการตรวจสอบสถานที่ร้องเรียนฯ ตรวจพบของกลางที่เกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียนฯ และสิ่งของผิดกฎหมาย

ดังต่อไปนี้

(1) อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ครอบครองโดย

ไม่ได้รับอนุญาต (ปืนผิดมือ)

ขนาด .45 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีนจำนวน 3 อัน

(2) อาวุธปืนลูกโม่ ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ปืนผิดมือขนาด .38 มม.

จำนวน 1 กระบอก

(3) เครื่องกระสุนปืน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขนาด .45 มม.จำนวน 44 นัด

(4) บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 32 ชิ้น

(5) น้ำกระท่อม (ผสมยาอันตราย) บรรจุขวดขนาด 1.5 ลิตรจำนวน 14 ขวด

(6) ยาอันตราย (ยาแก้ไอ) ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 107 ขวด

(7) หัวเชื้อปรุงแต่งกลิ่นรสชาติ

จำนวน 15 ขวด

(8) ชุดอุปกรณ์การเล่นไฮโลจำนวน 1 ชุด

(9) ชุดไพ่ ไม่มีตราสัญลักษณ์สรรพสามิต จำนวน 28 ชุด

เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายในเบื้องต้นให้ผู้ถูกจับทราบ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานและของกลางนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร จัดโครงการรถเข็นนั่งปันสุข โดยมอบรถเข็นวีลแชร์ ให้ ผู้พิการ ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร 79 ราย

เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่อาคารอเนกประสงค์วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการรถเข็นนั่งปันสุข ของเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาศร ประจำปี 2568 โดยมีนางสุพิณญา นิรามัยวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร พร้อมคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร เข้าร่วมพิธี

เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร เป็นองค์กรการกุศลที่ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัย บรรเทาทุกข์ราษฎรที่เดือดร้อน ส่งเสริมกิจการยุวกาชาด อาสากาชาด รับบริจาคโลหิต ดวงตาและอวัยวะ นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจการด้านส่งเสริมคุณภาพชีวิต งานพระราชดำรี โดยจะต้องดำเนินกิจกรรมในในเชิงรุกให้ครอบคลุมทกพื้นที่และทุกกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า มีประชาชนที่มีความพิการทางการเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็มีหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้พิการได้รับโอกาสพัฒนาและพึ่งพาตนเองได้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะให้การช่วยเหลือแล้ว ก็ยังมีผู้พิการทางการเคลื่อนไหวจำนวนมาก ที่ยังไม่มีรถเข็นนั่ง (วีลแชร์) ที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ประสานอำเภอเมืองสมุทรสาครให้สำรวจประชาชนในพื้นที่ ที่มีปัญหาทางการเคลื่อนไหวและไม่มีรถเข็นนั่ง (วีลแชร์) ซึ่งจากการสำรวจ พบว่า มีผู้พิการที่มีความจำเป็นต้องใช้รถเข็น (วีลแชร์) จำนวน 79 ราย เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงจัดทำโครงการรถเข็นนั่งปันสุข ของเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี ๒๕๖๘โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวได้รับรถเข็นนั่งใช้ในชีวิตประจำวัน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับผู้พิการทางกางการคลื่อนไหว ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญมีรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง ‘แพทองธาร ’ กับ สมเด็จฮุน เซน พร้อมมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังสามารถทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมต่อไปได้

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นผู้ยื่นในนามของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน ขอให้ศาลวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) รวมถึงมาตรา 82 วรรคสาม

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากคลิปเสียงสนทนาที่ถูกเผยแพร่ ซึ่งอ้างว่าเป็นเสียงของ น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 และมีลักษณะเข้าข่ายทำลายอธิปไตยของประเทศไทย สร้างความเสียหายต่อกองทัพและประชาชน

ผู้ร้องยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ข้อ 40 (😎

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมา

อย่างไรก็ตาม แม้น.ส.แพทองธารจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยังสามารถทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ต่อไปได้

ที่มา #nbtconnext #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี

#ศาลรัฐธรรมนูญ

ป.ป.ช.สมุทรสงคราม เร่งเคลียร์ทรัพย์สินร้าง ป้ายใช้งานไม่ได้-ระบบบำบัดไร้ประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าแผนป้องกันโกงและจับตาโครงการสำคัญป้องปรามการทุจริต

ปปช.เร่งสะสาง 3 จุดเสี่ยงทุจริต

ป.ป.ช.สมุทรสงคราม เร่งเคลียร์ทรัพย์สินร้าง ป้ายใช้งานไม่ได้-ระบบบำบัดไร้ประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าแผนป้องกันโกงและจับตาโครงการสำคัญป้องปรามการทุจริต

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด นายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าฯสมุทรสงครามเป็นประธานประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านทุจริตและประพฤติมิชอบ โดย น.ส.กาญจนา คำสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.สมุทรสงครามและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามความคืบหน้าประเด็นความเสี่ยงต่อการทุจริต (คิด ทำ ทิ้ง)

ได้แก่ 1.อาคารระบบผลิตน้ำประปาผิวดินข้างวัดกลางเหนือ ต.บางกุ้ง อ.บางคนที ถูกทิ้งร้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบข้อหารือจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าทรัพย์สินควรจะเป็นของการประปาผู้ขอรับโอนแต่ส่งคืนหลังจากพบว่าน้ำเค็มและหากจะทำน้ำประปาได้ต้องใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท กับ อบจ.สมุทรสงครามซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าวเมื่อปี 2549 ด้วยงบประมาณเกือบ 8 ล้านบาท ว่าหน่วยงานใดจะรับผิดชอบ

2.ป้ายโฆษณาไตรวิชชั่น (Trivision billboard) บริเวณแยกตลาดบางนกแขวกและพื้นที่ต่างๆรวม 5 แห่งที่ใช้งานไม่ได้ ล่าสุดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่ติดตั้งป้ายตอบกลับแล้วว่าทั้ง 5 แห่งไม่ขอรับโอน ทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดผู้ดำเนินการจะได้รายงานต่ออธิบดีกรมการท่องเที่ยวเพื่อพิจารณาจำหน่ายครุภัณฑ์ตามระบบต่อไป และ 3.อาคารระบบบำบัดน้ำเสียของโครงการศูนย์เกษตรและประมงแปรรูปครบวงจรที่สหกรณ์ประมงแม่กลองจำกัด ใช้งานไม่ได้และมีความสงสัยเรื่องค่าดูแลรักษารายปีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.สมุทรสงครามได้ติดต่อผู้ออกแบบแล้วแต่ไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากต้องรอความแน่ชัดของโครงการก่อสร้างอาคารตลาดปลาแห่งใหม่หากมีข้อมูลปริมาณการใช้น้ำและน้ำเสียที่ชัดเจนจะมีการหารือกันต่อไป

ส่วนรายงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปี 2568 ปรากฏว่า อบต.ทั้ง 36 แห่ง สำนักงานจังหวัด สถานีตำรวจทั้ง 5 แห่ง รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และอำเภอ 3 แห่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วอยู่ระหว่างรอผลคะแนนประเมิน ส่วนการติดตามมาตรการความเห็น ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้เฝ้าระวังโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนวัดเกตการาม โรงเรียนศาลเจ้าแม่อากาศ โรงเรียนวัดเจริญสุขาราม และโรงเรียนวัดศรัทธาธรรม ปรากฏว่าล่าช้าในการจัดซื้อจากส่วนกลาง

ส่วนโครงการป้องปรามและลดการทุจริตในพื้นที่ได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนป้องปราม การเฝ้าระวังปัญหาการทุจริต ประเด็นเกี่ยวกับสินบน เป็นการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางขอใบอนุญาตการก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารให้กับเจ้าหน้าที่กองช่าง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งทั่วจังหวัด 72 คน พร้อมกำหนดประเด็นการป้องกันการทุจริตการเรียกรับสินบนในการขอออกใบอนุญาตก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงาน ป.ป.ช.ได้กำหนดรูปแบบประกอบการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเบื้องต้นเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส นอกจากนี้ยังลงพื้นที่เฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตในพื้นที่การก่อสร้างอาคารที่ อบต.บางคนที และอบต.บางขันแตก ปรากฏว่าไม่พบการเข้าข่ายการทุจริต

ส่วนความก้าวหน้าโครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อทุจริต 3 โครงการคือ 1.การก่อสร้างซุ้มประตูเมืองเฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถนนทางเข้าเมือง โดยวิธีเฉพาะเจาะจงพบว่ารอการดำเนินงานตามแบบเนื่องจากยังติดขัดเรื่องการนำสายไฟฟ้าลงดิน ส่วนวิธีการดำเนินงานไม่ขัดต่อระเบียบกฎหมาย 2.โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนช่วงเชิงสะพานสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ถึงสามแยกวัดบางนางลี่ใหญ่ โดยวิธีอีบิดดิ้งไม่พบการเข้าข่ายความผิดปกติ และ 3.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์สร้างเขื่อนและติดตั้งเสาไฟฟ้าโซล่าเซลล์บริเวณวัดบางสะแกพบว่า เสาไฟฟ้าโซล่าเซลล์ใช้การไม่ได้ ทาง อบต.ยังไม่สามารถดำเนินการซ่อมได้เนื่องจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดยังไม่ได้ส่งมอบให้แต่หาก อบต.ประสงค์จะรับไว้ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจะส่งมอบเพื่อซ่อมแซมต่อไป

นอกจากนี้สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดยังแจ้งสาระสำคัญของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568 ประเด็นป้องกันและการฟ้องคดีปิดปาก เพื่อปกป้องและช่วยเหลือผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตต่อ ป.ป.ช. และยังประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชน นักเรียนและนักศึกษาลงทะเบียนเรียนวิชาป้องกันการทุจริต หลักสูตรต้านการทุจริตผ่านระบบโรงเรียน โดยลงทะเบียนได้ทาง aced.nacc.go.th ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วย

สมุทรสาคร จัดพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2568

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ค่ายลูกเสือทีปังกรรัศมีโชติ ต.นาโคก อ.เมืองสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของลูกเสือ เนตรนารี สมาชิกผู้บำเพ็ญประโยชน์ และผู้บังคับบัญชาลูกเสือในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2568 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และเป็นการแสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยมีกองลูกเสือ เนตรนารี สำรอง สามัญ สามัญรุ่นใหญ่ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ กว่า 500 นาย ร่วมประกอบพิธีฯ

ทั้งนี้ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ได้กำหนดให้ วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และแสดงความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยให้จัดพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของผู้บังคับบัญชาลูกเสือเนตรนารีผู้บำเพ็ญเพียรประโยชน์พร้อมกันทั่วประเทศ

สมุทรสงคราม ท่องเที่ยวและกีฬาฯ จัดฝึกอบรมเครือข่ายรุ่นที่ 2 เพื่อยกระดับเป็นอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

อบรมเครือข่ายท่องเที่ยว

สมุทรสงคราม ท่องเที่ยวและกีฬาฯ จัดฝึกอบรมเครือข่ายรุ่นที่ 2 เพื่อยกระดับเป็นอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ที่สวนนพรัตน์รีสอร์ท อัมพวา นายรนัสถ์ชัย พุ่มเจริญ รองผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงคราม” เพื่อพัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬาในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม พร้อมยกระดับเป็นอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย นายสุภาพล ศิริไกรวัฒนาวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงครามให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน

นายรนัสถ์ชัยฯ กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโครงการที่มีความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร เพราะการทำงานในบทบาท “อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา”ที่มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นจะต้องมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และที่สำคัญต้องมีจิตอาสาเสียสละเพื่อช่วยเหลือการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งต้องมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ เป็นแบบอย่างที่ดีมีความประพฤติอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีจึงจะได้รับความไว้วางใจและยกย่องจากประชาชน จึงหวังว่าผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่านจะนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานให้เติมความสามารถต่อไป

ด้าน นายสุภาพลฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการจัดฝึกอบรมอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงคราม รุ่นที่ 1 เมื่อปี 2567 มีอาสาสมัครที่ผ่านการฝึกอบรมจำนวน 50 คน และวันนี้เป็นการฝึกอบรมหลักสูตรอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงคราม ประจำปีงบประมาณ 2568 (อสทก.รุ่นที่ 2) เป้าหมายเพื่อให้เกิดการขยายเครือข่ายอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา จ.สมุทรสงครามเพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดระยะเวลาการฝึกอบรม 2 วัน มีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 40 คน ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2568

สำหรับรูปแบบการฝึกอบรมประกอบด้วยภาคการบรรยายและการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ และเมื่อผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนี้แล้วผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเกียรติบัตรพร้อมเครื่องแบบอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (เสื้อกั๊ก) ตามแบบฟอร์มของกองมาตรฐานและกำกับความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้ทำหน้าที่อาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬาใน จ.สมุทรสงครามต่อไป ( 30 มิ.ย. 68)

อบจ.สมุทรสาครจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะทะเล ให้เป็นไปตามหลักการ International Coastal Cleanup

เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะทะเลของจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และนายสุชาติ รัตนเรืองสี ผู้อํานวยการ สํานักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 สมุทรสาคร (สทช.8) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกัน โดยมีปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก

สำหรับ บันทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะทะเลของจังหวัดสมุทรสาครระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร กับ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 (สมุทรสาคร) เป็นความร่วมมือในการจัดการขยะทะเลและบริเวณชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และเศรษฐกิจอย่างมาก เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตในทะเล รวมถึงผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยว และการประมงในเขตจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีข้อตกลงความเข้าใจฯ จะดำเนินงานร่วมมือกันบริหารจัดการ “ขยะทะเล” ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพลดปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้มีการเก็บรวบรวม และจัดการ “ขยะทะเล” ตามหลักวิชาการ, เพื่อลดปริมาณขยะในทะเลในบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร, เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลในจังหวัดสมุทรสาคร

โดยมีแนวทางการดําเนินงานร่วมกันในการวางแผนการดําเนินงานเก็บรวบรวมขยะทะเล ตลอดจนประสานการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อดำเนินการเก็บรวบรวมและจัดการขยะทะเล ตามหลักวิชาการ เก็บรวบรวมข้อมูล สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานการบริหารจัดการขยะทะเล เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง การเผยแพร่ผลการดําเนินงานการบริหารจัดการขยะทะเลของจังหวัดสมุทรสาครให้แก่ประชาชน สื่อมวลชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ อบจ.สมุทรสาคร สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าดำเนินการในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานเก็บขยะทะเล สทช.8 ให้ยืมเรือเก็บขยะทะเล และวัสดุครุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพร้อมเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานจัดการเก็บ “ขยะทะเล” และคัดแยกประเภทของ “ขยะทะเล” ตามหลักการ การอนุรักษ์ชายฝั่งสากล International Coastal Cleanup : ICC เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแหล่งที่มาและปัญหาของขยะทะเล โดยบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2568 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2570 อีกด้วย......