เปิดถ้อยแถลงดุเดือด! "เชิดชาย ใช้ไววิทย์" ทูตไทยซัดกัมพูชา "วางกับระเบิด-ถล่มไม่เลือกหน้า" ยันไทยอดทนถึงที่สุดแต่ต้องปกป้องตัว!
นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุเดือดจนต้องยกขึ้นสู่เวทีโลก! เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงอันดุเดือดเผ็ดร้อนในการประชุมส่วนตัวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยประณามการกระทำของกัมพูชาที่ "รุกรานโดยไม่มีการยั่วยุ" ทั้งการวางกับระเบิด และการเปิดฉากโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ยืนยันไทยอดทนถึงที่สุดแต่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง!
"เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด" สู่ "การรุกรานที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม"
ทูตไทยเริ่มด้วยการเน้นย้ำความสัมพันธ์อันดีที่ผ่านมา โดยระบุว่าไทยมองกัมพูชาเป็น "เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและสมาชิกครอบครัวอาเซียน" ที่ไทยพยายามสนับสนุนมาตลอด แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับเลวร้ายถึงขั้น "การรุกรานที่ไม่มีการยั่วยุ" ซึ่งคุกคามอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของประเทศไทย!
เปิดไทม์ไลน์ความรุนแรง: จาก "เหยียบกับระเบิด" สู่ "โจมตีไม่เลือกเป้าหมาย"
นายเชิดชาย เปิดโปงลำดับเหตุการณ์อย่างละเอียด เริ่มจาก:
* 28 พ.ค.: เกิดปะทะเล็กน้อยเมื่อทหารไทยลาดตระเวนในเขตแดน และถูกยิงโดยไม่มีการยั่วยุจากกัมพูชา ทำให้ไทยต้องป้องกันตัวตามกฎหมายระหว่างประเทศ
* 14 มิ.ย.: ไทยพยายามใช้ช่องทางทวิภาคี เรียกร้องให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ที่กรุงพนมเปญ แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลง
* 16 และ 23 ก.ค.: ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนในเขตแดนไทยถึง 2 ครั้ง ทำให้ทหาร 2 นายพิการ และอีกหลายนายบาดเจ็บสาหัส! ทูตไทยเน้นย้ำว่าไทยทำลายกับระเบิดทุกชนิดตั้งแต่ปี 2019 สวนทางกับรายงานของกัมพูชาที่ยังคงเก็บรักษากับระเบิด ซึ่งถือเป็นการ "ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา" และ "ปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์" ที่ลงนามร่วมกัน! ไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงถึงประธานรัฐภาคีฯ และเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาทันที!
* 24 ก.ค. (08.20 น.): กัมพูชาเปิดฉาก "ยิงปืนใหญ่หนัก" ถล่มฐานทัพไทยที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์! ไม่นานหลังจากนั้น กองกำลังกัมพูชา "โจมตีพลเรือนโดยไม่เลือกเป้าหมาย" ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี! การกระทำที่ "ขัดต่อกฎหมายและไร้มนุษยธรรม" นี้ ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย โครงสร้างพื้นฐานเสียหายหนัก ทั้งโรงพยาบาลและโรงเรียน!
"เด็กไปซื้อของ แม่ลูกไม่เคยได้ออกมาอีก!" ทูตไทยแฉภาพความโหดร้ายต่อ UNSC
นายเชิดชาย ไม่เพียงรายงานตัวเลข แต่ยังเปิดเผยความโหดร้ายที่เกิดขึ้นจริง! จากข้อมูลวันที่ 25 ก.ค. เวลา 09.00 น. มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รวม 14 ราย และบาดเจ็บสาหัส 13 ราย! ทูตไทยเน้นย้ำว่า "เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน และพลเรือนถูกโจมตี ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งไปซื้อของชำ ได้เข้าไปในร้านขายของชำแห่งนี้ แม่และลูกสามคนไม่เคยได้ออกมาอีกเลย จึงขอย่ามองข้าม เพราะผู้คนกว่า 130,000 คนต้องอพยพออกจากบ้าน!" นี่คือถ้อยแถลงที่สะเทือนใจและตอกย้ำความป่าเถื่อนของการโจมตี!
ซัดกลับกัมพูชา "ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎบัตรสหประชาชาติ" ยันไทยป้องกันตัวในกรอบ!
ต่อข้อกล่าวหาจากกัมพูชา ทูตไทย "ประณามอย่างรุนแรงที่สุด" การโจมตีพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเฉพาะโรงพยาบาล ว่าเป็นการ "ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ปี 1949" อย่างชัดเจน!
นอกจากนี้ การโจมตีที่ "ไม่มีการยั่วยุ ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า" ของกัมพูชา ถือเป็นการ "ละเมิดอย่างร้ายแรงต่อมาตรา 2 วรรค 4 ของกฎบัตรสหประชาชาติ" ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ!
นายเชิดชาย ยืนยันว่าไทย "มีความอดทนอย่างที่สุด" แต่ถูกบังคับให้ "กระทำเพื่อป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ" โดยย้ำว่าการตอบโต้ของไทย "จำกัดอย่างเคร่งครัด ได้สัดส่วน และมุ่งเป้าไปที่การทำให้ภัยคุกคามจากกัมพูชาเป็นกลางเท่านั้น" โดยมีเป้าหมายทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย และพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายพลเรือน!
ไม่มีปะทะที่ "เขาพระวิหาร"! ไทยวอนกัมพูชาหยุด "สร้างข้อมูลเท็จ"
ปิดท้ายด้วยประเด็นร้อนที่กัมพูชาพยายามกล่าวหาเรื่องความเสียหายบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทูตไทยย้ำชัดว่า "ไม่มีการยิงตอบโต้กันระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชาใกล้ปราสาทพระวิหาร" และเป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดคือภูมะเขือ ซึ่งห่างจากปราสาทถึง 2 กิโลเมตร! "เป็นไปไม่ได้ที่กระสุนหรือสะเก็ดระเบิดจากการยิงที่ภูมะเขือจะไปถึง หรือสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อปราสาทพระวิหาร!"
ไทยเรียกร้องให้กัมพูชา "ละเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดซึ่งมีแรงจูงใจทางการเมือง" และวอนให้กัมพูชาทำด้วยความสุจริต และยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม!
สุดท้ายนี้ รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชา "ยุติการใช้ความรุนแรงและการรุกรานโดยทันที" และ "หันกลับมาเจรจาด้วยความจริงใจ" เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่นนี้!
สถานการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด! คุณคิดว่าการออกมาฟาดกลับบนเวทีโลกของทูตไทยครั้งนี้ จะสามารถกดดันกัมพูชาให้ยุติความรุนแรงได้หรือไม่?
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น