pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2568

นนทบุรี/พ่อร้องมูลนิธิดัง หลังพาลูกชายวัย 17 มีอาการปวดหัวรุนแรง ลุกนั่งไม่ได้ ส่งรพ.แต่พยาบาลบอกเป็นไมเกรนไล่กลับบ้าน

    เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 5 มี.ค.2568 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด  อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายภาสกร ดวงจิต อายุ 58 ปีอาชีพทำสวนลำไย นายเดชานนท์ ดวงจิต อายุ 22 ปี พ่อและพี่ชาย ของนายโภคิน ดวงจิต อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนชื่อดังในจ.กำแพงเพรชหลังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนลุกนั่งไม่ได้ ต้องรีบพาตัวส่งรพ.แห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพรชแต่ทางรพ.กับให้นำ้เกลือ และบอกว่าเป็นโรคไมเกรน ให้กับไปรอดูอาการที่บ้านแต่พอกลับถึงบ้านได้ไม่นานลูกของตนมีอาการหนักขึ้นจนต้องรีบนำตัวส่งรพ.อีกครั้งภายในวันเดียวกัน 



    แพทย์บอกว่าลูกเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกอาการวิกฤติมีโอกาสรอดชีวิตแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ลูกชายอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตนมองว่าถ้ารพ.วินิจฉัยโรคถูกต้องตั่งแต่แรกและไม่ไล่ให้ลูกชายกับมาดูอาการเองที่บ้าน ลูกของตนคงอาการไม่หนักขนาดนี้ พอสอบถามทางรพ.ก็ไม่ได้คำชี้แจงอะไร จึงเดินทางนำหลักฐานเอกสารต่างๆเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพรช ประธานมูลนิธิให้ช่วยเหลือ


        นายภาสกร กล่าวทั้งนำ้ตาว่า ลูกของตนก่อนหน้านีเป็นเด็กแข็งแรง ชอบเล่นกีฬาไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องเข้ารพ. กระทั่งวันที่ 26 ก.พ.68 เวลา 04.00 น.ลูกชายมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง อาเจียน ลุกนั่งเองไม่ได้และดวงตาสู้แสงไม่ได้ จึงรีบนำตัวส่งรพ.แห่งหนึ่งในจ.กำแพงเพรช พอไปถึงมีเจ้าหน้าที่พยาบาลเขามาสอบถามอาการและพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะให้นำ้เกลือและนอนพักอยู่บนเตียงผู้ป่วย จนเวลา 11.00 น. พยาบาลได้เขามาบอกให้พาลูกชายกับไปรอดูอาการต่อที่บ้าน ทั้งที่ตอนนั้นลูกชายอาการยังไม่ดีขึ้นเลย



        ซึ่งแม่ของน้องก็บอกกับพยาบาลว่าขออยู่ที่รพ.ต่อได้ไหมลูกชายยังอาการไม่ดีขึ้นเลย แต่ทางพยาบาลไม่ยอมบอกว่าลูกชายตนมีอาการเป็นโรคไมเกรน จึงต้องยอมทำใจพาลูกกับมาดูอาการต่อที่บ้านกันเอง จนเวลา 20.00 น.ลูกชายร้องบอกว่าหัวจะระเบิดแล้ว ปวดหัวมาก จึงรีบพาลูกกับไปที่รพ.อีกครั้ง พอไปถึงแพทย์ดูอาการแล้วรีบพาไปห้องเอ็กซ์เรย์สแกนสมองก็พบว่าลูกเส้นเลือดในสมองแตก แพทย์ต้องรีบทำการผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จแพทย์บอกว่าให้ทำใจลูกชายมีโอกาสรอดแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ลูกชายอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจถ้าถอดออกก็เสียชีวิต


    นายภาสกร กล่าวอีกว่า ตนพยายามสอบถามกับทางรพ.ถึงขั้นตอนการรักษาว่าตอนแรกลูกตนก็อาการไม่ดีตั่งแต่มารพ.ตั่งแต่แรกแล้ว ทำไมถึงไล่ให้ตนพาลูกกับไปดูอาการที่บ้านอีก จนลูกเป็นหนักมากขนาดนี้ ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่ชัดเจน มีแต่มาถามตนว่าจะให้ถอดเครื่องช่วยหายใจไหม จะบริจาคอวัยวะไหม ทั่งที่ลูกตนยังไม่ตายพวกตนยังพยายามจะช่วยลูกให้ถึงที่สุด ทั้งโพสต์ขอรับบริจาคเลือดเพื่อมาพาตัดลูกอีกครั้ง ทุกวันนี้ตนและครอบครัวเหมือนตกนรกทั้งเป็นที่เห็นลูกชายต้องมานอนเป็นผักรอคอยความตาย เรื่องนี้ถ้ารพ.วินิจฉัยโรคถูกต้องตั่งแต่แรกและยอมให้ลูกชายได้นอนรอดูอาการที่รพ.จนกว่าจะดีขึ้น ลูกตนคงไม่หนักถึงขนาดนี้


        ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางรพ.ต้องออกมาชี้แจงให้กับครอบครัวทราบถึงการรักษาว่ามีความผิดพลาดตรงไหนหรือไม่เกิดจากสาเหตุใดทำไมถึงให้ผู้ป่วยที่มีอาการวิกฤต กลับไปดูอาการกันเองที่บ้าน จนลูกชายเขาอาการวิกฤติหนักนอนเป็นเจ้าชายนิทรามีชีวิตอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ หลังจากนี้จะพาผู้เสียไปยื่นหนังสื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่กระทรวงสาธารณะสุขต่อไป หลังร้องเรียนเสร็จแม่น้องโทรบอกสามีให้รีบกลับไปดูใจลูกชายอาการไม่สู้ดี






0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น