pearleus

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

มหาดไทย จัดเสวนาฯ หัวข้อ “มหาดไทยร่วมใจขับเคลื่อนการลดและคัดแยกขยะ”



 
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2563  เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจาก นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในรูปแบบชุมชนนักปฏิบัติ (CoPs) ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในหัวข้อ มหาดไทยร่วมใจขับเคลื่อนการลดและคัดแยกขยะจัดโดย สถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกหน่วยราชการร่วมใจกันขับเคลื่อนมาตรการลดและคัดแยกขยะ ภายใต้การดำเนินการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อขยายผลไปสู่ประชาชนในทุกพื้นที่ให้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน พร้อมรับทราบถึงสภาพปัญหาว่าด้วยสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ทั้งในเรื่องของภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ เป็นต้น โอกาสนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรของหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรงในเรื่องดังกล่าว ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ สำนักบริหารการปกครองท้องที่ กรมการปกครอง กองสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ โดยมี นายอังกูร สุนกุล ผู้อำนวยการสถาบันดำรงราชานุภาพ ให้การต้อนรับ และมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้สนใจ ทั้งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมกิจกรรม รวม 60 คน พร้อมกันนี้ได้มีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัด ทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ และผ่านระบบสถานีโทรทัศน์กรมการปกครอง (DOPA Channel) ไปยังทุกอำเภอ

โอกาสนี้ นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาขยะถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจากข้อมูลสถานการณ์ขยะมูลฝอยของประเทศไทย ปี 2562 พบว่า จากจำนวนประชากรไทยกว่า 69 ล้านคน ได้ก่อให้เกิดปริมาณขยะมูลฝอยขึ้นทั่วทั้งประเทศมากถึง 28.7 ล้านตันต่อปี โดยในแต่ละวันเราได้สร้างขยะมูลฝอยเฉลี่ย 1.13 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 75,046 ตันต่อวัน ทว่าในทางตรงกันข้ามความสามารถในการกำจัดขยะที่ถูกต้องกลับมีเพียง 10.3 ล้านตันต่อปี และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียง 12.6 ล้านตันต่อปี ซึ่งยังมีปริมาณขยะอีกกว่า 5.8 ล้านตันต่อปี ที่กำจัดอย่างไม่ถูกวิธี และมีขยะตกค้างสูงถึง 5.34 ล้านตัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างตามบริเวณต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งอากาศเสีย น้ำเน่าเสีย แหล่งพาหนะนำโรคต่างๆ ตลอดจนส่งกลิ่นเหม็นรบกวน อันส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น การลดและคัดแยกขยะจึงไม่ได้เป็นหน้าที่ของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน และต้องอาศัยการบูรณาการจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะที่ดีที่สุดนั้นก็คือการแก้ที่ต้นทาง พร้อมกับรณรงค์เสริมสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้จักใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ (3R : Reduce Reuse Recycle) ตลอดจนการสร้างความรู้ความเข้าใจในการทิ้งขยะ รวมไปถึงการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธีด้วย

  นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับทราบถึงปัญหาในเรื่องขยะ แต่ยังไม่ทราบถึงวิธีการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งอาจเป็นเพราะความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะหากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจังแล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมย่อมไม่มีทางที่จะหมดลงไปได้ และทุกคนก็ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ปัญหาขยะจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว และยังถือเป็นวาระสำคัญที่ควรดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันอย่างยั่งยืนสืบไป

 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น