จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 68 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ผู้ก่อตั้งเพจ “เป้ บางกรวย-นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” ได้รับเรื่องร้องเรียนจากน.ส.กัลยกร จำปาพันธ์ อายุ 45 ปี อาชีพแม่ค้าขายทุเรียน ซึ่งประกาศขายบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนพื้นที่ 100 ตารางวา ภายในซอยลุงพจน์ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังได้รับความเดือดร้อนจากเพื่อนบ้านที่มีการใช้รถแม็คโครขุดดินมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลากว่า 15 ปี สร้างปัญหาฝุ่นละออง และเสียงดังรบกวนทั้งกลางวันและกลางคืน แม้จะเคยร้องเรียนไปยังอบต.บางขนุน และได้มีการมาลงพื้นที่แล้ว แต่เจ้าของบ้านกลับไม่เกรงกลัว และยังคงใช้รถแม็คโครขุดดินอย่างต่อเนื่อง บางช่วงขนดินมากองสูงท่วมหลังคาบ้าน ทนไม่ไหวจนต้องปิดป้ายประกาศขายบ้านหนี
ล่าสุด วันที่ 9 เม.ย. 68 ทีมข่าวเดินทางไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลกองขนุน ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อสอบถาม ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว พบน.ส.ดินาร์ลิน กิตตินัย ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.บางขนุน กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้ถูกร้องที่มีการวางเศษหิน เศษดิน ว่าสิ่งที่ทำได้เกิดผลกระทบกับบ้านใกล้เรือนเคียง โดยแจ้งว่าให้เขาได้ดำเนินการนำออกให้ไวที่สุด ตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งจะต้องนำออกภายใน 7 วัน หลังจากได้รับหมาย ซึ่งทางผู้ถูกร้องแจ้งว่าไม่เกิน 2-3 วัน จะดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อย แล้วตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกที ซึ่งล่าสุดทางอบต.บางขนุน ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 68 ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจทันที ซึ่งทางผู้ถูกร้องก็ได้นำดินย้ายออกไปแล้ว
แต่ครั้งล่าสุดที่ได้รับแจ้งอีกครั้งจึงต้องกระทำการสั่งขนย้ายซ้ำอีกที หากยังกระทำอยู่จะต้องออกคำสั่งเป็นหนังสือเพื่อยุติกิจการที่ทำอยู่ หากยังฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย เบื้องต้นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เบื้องต้นไม่ได้มีการขอดูใบอนุญาต เพราะผู้ถูกร้องเขาแจ้งว่าแค่นำกองดินเข้ามาพักไว้เฉยๆ ไม่ได้ประกอบกิจการใดๆ แต่หากจะต้องขอใบอนุญาตจะต้องทำให้ไม่กระทบกับพื้นที่ข้างเคียง โดยเจ้าของบ้านที่ถูกร้องแจ้งว่าอยู่ที่นี่แค่ประมาณ 8 ปีเท่านั้น ไม่ถึง 10 ปีด้วยซ้ำ ทางหน่วยงานก็รู้สึกงงๆ เมื่อวานที่ได้เจอผู้ร้องพูดคุยแค่ 10 ปี แต่ในข่าวถึง 15 ปี สงสัยว่าทำไมตัวเลขมันเพิ่มขึ้น สำหรับตนนั้นเพิ่งมาดำรงตำแหน่งได้ 2 ปี สอบถามจากน้องคนเก่าบอกว่าก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเข้ามาเช่นกัน แต่ได้ทำการลงพื้นที่ตรวจสอบไกล่เกลี่ยแล้ว คล้ายประมาณว่าทำการแก้ไขตามที่หน่วยงานแจ้งไปแล้วก็กลับมาทำซ้ำใหม่ รอบนี้ตนจึงคิดว่าอาจต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก ส่วนที่ผ่านมารู้สึกลำบากใจ เพราะไม่อยากให้กระทบกระทั่งกัน ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในพื้นที่เดียวกัน อยากให้พูดคุยกันมากกว่า ทางอีกฝ่ายก็ยินยอมจะนำดินออกไป แต่เห็นว่าก่อนหน้านี้เรื่องเงียบไปจึงนำกลับเข้ามาใหม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น